
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงโรดแมปติดตามเปิดโปงเครือข่ายทุนสีเทาที่แผ่ขยายอิทธิพลยึดโครงสร้างเศรษฐกิจไทย พัวพันนักการเมืองระดับสูงทั้งไทยและกัมพูชา พร้อมเตือนเงินเทายึดโครงสร้างสำคัญของไทย เสี่ยงทำไทยกลายเป็นศูนย์กลางฟอกเงินในภูมิภาค จี้ภาครัฐเอาจริงปราบ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เครือข่ายการฟอกเงินขยายอาณาจักรไปที่ต่าง ๆ วันนี้พวกเขาพยายามเข้าสู่ประเทศไทย ใช้เงินสีเทา สีดำ ยึดโครงสร้างสำคัญ ๆ ของประเทศไทย บางบริษัทเกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ลต.) เกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงาน เวลาเขาเอาเงินมาซื้อหุ้น หรือยึดบริษัท โดยใช้วิธีการผ่านบริษัท หรือกองทุนต่างชาติ เช่น สิงคโปร์ ใช้วิธีการหลากหลายรูปแบบ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐติดตามตัวตนที่แท้จริงของคนที่ได้รับผลประโยชน์ และใช้เงินจำนวนมากเทคโอเวอร์และทำให้บริษัทเหล่านั้นอยู่ในอาณัติเครือข่ายทุนสีเทา
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าเขาทำสำเร็จไม่ใช่แค่มีเครือข่ายฟอกเงินมากขึ้นเท่านั้น แต่รวมไปถึงการทำให้บริษัทเหล่านั้น กลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้กับทุนสีเทามากขึ้น มีความเสี่ยงให้ไทยมีภาพลักษณ์เป็นฮับของทุนสีเทาดำ
บริษัทที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่บริษัทพลังงานเพียงอย่างเดียว มีความหลากหลาย บางบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่ก็มีลักษณะที่คล้ายกับการปกปิดซ่อนตัวเอง บางบริษัทเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน บางบริษัทกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายนี้ มักเป็นกลุ่มที่หน่วยงานของรัฐไปถือหุ้นอยู่ในบริษัทนั้น แสดงว่ามีความสามารถในการกำกับหรือชี้นำในสัดส่วนหุ้นที่เป็นของรัฐได้ เช่น อาจจะให้พยายามที่ทำให้ประกันสังคมขายหุ้นบางจากให้กับกลุ่มทุนนิรนามกลุ่มหนึ่ง เป็นต้น
“เรื่องที่พรรคประชาชนกำลังทำ เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่า ทุนสีเทากำลังยึดประเทศไทย และทุนสีเทานี้มีความเกี่ยวพันกับนักการเมือง กับผู้มีอำนาจ มีสายสัมพันธ์หลายอย่าง เราคงไม่สามารถเอาใบเสร็จเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด เราไม่สามารถยืนยันคลิปเสียงมีการตกลงแบ่งผลประโยชน์กันในลักษณะนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่พรรคประชาชนกำลังทำ เราต้องการเห็นรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง จากวันที่เราเปิดโปงเรื่องนี้จนถึงวันนี้ เรากลับไม่เห็นความคืบหน้าความเคลื่อนไหวอย่างจริงจังในการจัดการเรื่องนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทำงานแบบไหนก็แบบนั้น ต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษถึงจะขยับ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาชนจะดำเนินการต่อไป แต่พรรคประชาชนเพียงพรรคเดียวไม่สามารถจัดการอภิมหาทุนสีเทาที่ยึดประเทศได้ เราจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือรัฐบาล และความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราต้องอาศัยพันธมิตรอีกหลาย ๆ ประเทศช่วยกัน
ทั้งนี้ แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่
1. ปัจจุบันมีบางบริษัทใช้วิธีการไปเก็บการสแกนม่านตา โดยอ้างว่า ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนของบุคคล ซึ่งข้อเท็จจริงจากหน่วยงานรัฐ เราได้พบเห็นว่า การสแกนม่านตาจำนวนมาก (จากฐานข้อมูลมากกว่า 1 ล้านคน) คนที่เข้ามาสแกนม่านตาไม่เข้าใจว่า เงินที่ได้กับสิ่งที่เสียไปคืออะไร พูดง่าย ๆ ว่า การเก็บข้อมูลไม่มีการทำความเข้าใจกับประชาชน มีลักษณะไม่ได้เปิดเผยชัดเจน เจ้าหน้าที่เก็บสแกนม่านตาไม่ได้ให้รายละเอียดกับประชาชน
ดังนั้น จึงทำให้เกิดความกังวลว่า การเก็บข้อมูลแบบนี้จะส่งผลเสียกับประชาชนมากขนาดไหน ซึ่งอาจนำไปสู่การปลอมแปลงตัวบุคคลในโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี หากการปลอมแปลงทำได้สำเร็จ จะทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอีกมาก การเก็บข้อมูลชีวมิติแบบนี้ยังผิดกฎหมายเบื้องต้นทางกรรมาธิการ ได้ให้ข้อแนะนำต่อ กลต., สำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.), ตำรวจไซเบอร์ เพื่อทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้มาเรื่องเกี่ยวกับสแกนม่านตาและได้คริปโต เชื่อมโยงกับบางบริษัท ที่เกี่ยวกับกลุ่มทุนในกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และแสวงหาผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงและคาดหวังว่า หน่วยงานจะทำงานเชิงรุก
2. การสอบสวนแก๊งสแกมเมอร์ที่เกี่ยวพันกับ นายยิมเลียก และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือนายเบน สมิธ ซึ่งมีสื่อต่างชาติออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ทำให้เป็นโอกาสดีที่ไทยกับสหรัฐฯ จะได้ร่วมมือกัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการฟองเงินของบริษัทฮุนวัน เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์และสแกมเมอร์ต่อไป
“ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีชัดเจนว่า เครือข่ายฟอกเงิน เครือข่ายสแกมเมอร์ ใช้ประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกเขา ถ้าเราได้รับข้อมูลที่เพียงพอ ได้รับการประสานงานร่วมมือที่เพียงพอกับนานาชาติ เราเชื่อว่าจะใช้โอกาสนี้ ปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศที่ประเทศไทยสามารถดำเนินการได้ วันนี้มีบริษัทที่ช่วยปกปิดตัวตนคนที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง หรือกองทุนที่มาลงทุนในไทย มีความเชื่อมโยงกับกัมพูชาพบว่ามี 6-7 บริษัท หรือกองทุนที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ถ้าหากจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง กลต. ต้องทำงานร่วมกันกับหน่วยงานในประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง กลต. รับปากยืนยันที่จะประสานงานให้
3. ออกกฎหมายและเร่งรัดหน่วยงานให้ทำเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ อย่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ซึ่งขณะนี้ได้มีการขอแก้ไขกฎหมายอยู่ คือ Travel Rule หากแก้ไขสำเร็จจะสามารถตรวจสอบคริปโตได้ทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ แม้กฎหมายฉบับนี้จะยังไม่แล้วเสร็จ แต่ กลต. สามารถทำเรื่องนี้ได้ด้วยการแก้กฎกระทรวงหรือออกระเบียบ ซึ่งหวังว่ากฎหมาย Travel Rule จะใช้ได้อย่างรวดเร็ว
นายรังสิมันต์ ยังเรียกร้องไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินที่อยู่ในไทย ของนายลี ยงพัด นักธุรกิจและนักการเมืองของกัมพูชาว่า มีมากน้อยแค่ไหน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน จำเป็นจะต้องทำให้คนที่แจ้งเบาะแส การติดตามตัวบุคคลมีความปลอดภัย วันนี้ประเทศไทยควรให้สัตยาบันกับ UNCC 2024 รวมไปถึงอนุสัญญาบูดาเปสต์ที่ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์และการฟอกเงิน ซึ่งการใช้กฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา อาชญากรรมทางไซเบอร์
จ่อเชิญ รมช.คลัง แจงความสัมพันธ์ หลังพบเชื่อมโยง BIC กรุ๊ปของกัมพูชา
นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ต.ค. นี้กรรมาธิการจะเชิญนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เพื่อให้ข้อมูล เพราะนายวรภัทรเกี่ยวข้องกับธนาคาร BIC และ BIC Group ของนายยิม เลียก การเข้าไปเกี่ยวข้องแบบนี้โดยที่ธนาคาร BIC ถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวพันเชื่อมโยงแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งตนเชื่อว่า นายวรภัคจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการที่เราจะเข้าไปปราบปรามจัดการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ
เรียกร้องนายกฯ แสดงท่าที
นายรังสิมันต์ ยังเรียกร้องไปถึงนายกรัฐมนตรีให้แสดงท่าทีกรณีรองนายกรัฐมนตรีซึ่งไปเกี่ยวข้องกับ เบน สมิธ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของฮุนเซน
“ถ้ารัฐบาลนี้แถลงนโยบายว่าต้องการรักษาหลักนิติธรรม สิ่งที่ควรจะเป็นและได้รับการแก้ไขทันทีคือรองนายกรัฐมนตรีใช้กลไกทางกฎหมายในการฟ้องปิดปากจะไม่เกิดขึ้น เพราะนี่คือสิ่งที่ละเมิดต่อหลักนิติธรรมตามที่มีการแถลงนโยบายโดยรัฐบาลเอง ผมอยากเห็นนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ประกาศให้คนไทยได้เห็นว่าท่านต้องการทำลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติแบบนี้ แล้วจะไม่ปล่อยกลุ่มทุนเทามายึดประเทศไทย” นายรังสิมันต์ กล่าว
ขู่ใช้เวทีอภิปรายฯ ซักฟอก หากไร้ตอบสนอง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้เราใช้กลไกของกรรมาธิการฯ หลังจากนี้จะพิจารณาว่าจะมีการใช้กลไกอื่นหรือไม่ แต่ตนเน้นย้ำว่าตราบใดที่กลไกกรรมาธิการไม่ได้รับการตอบสนองที่ดี พรรคประชาชนมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับกลไกต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้น
“ถ้ามันจบง่าย ๆ โดยที่รัฐมนตรีมาชี้แจงเอาข้อมูลพยานหลักฐานที่ท่านมีมาเสนอต่อกรรมาธิการ ช่วยกันปราบปราม เราไม่มีความจำเป็น แต่ ณ วันนี้ กลไกต่าง ๆ มันไม่ฟังก์ชัน รัฐบาลเงียบ นายกฯ เงียบ จนผมเริ่มแปลกใจว่าตกลงท่านมองเรื่องเหล่านี้อย่างไร ซึ่งถ้ามันเงียบต่อไปเรื่อย ๆ เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้กลไกเครื่องของสภาที่มีอยู่ในการดำเนินการเรื่องนี้ ให้เข้มข้นมากขึ้น ท่านอย่าคิดว่าการเงียบของท่านจะทำให้เรื่องนี้จบ แต่การเงียบของท่านจะทำให้เรื่องนี้นำไปสู่การเทคแอ็คชั่นของพรรคประชาชนที่มากขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 68)