
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยกับสื่อครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในงาน “GovernorConnect” ครั้งที่ 1/2568 ถึงแนวทางการทำงานของ ธปท. และทิศทางนโยบายสำคัญในระยะต่อไป ว่า แนวทางการทำงานของ ธปท.นั้น จะมุ่งสานต่อพันธกิจหลักของธนาคารกลาง คือ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว ซึ่งประกอบด้วย
- เสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะดูแลให้เงินเฟ้อระยะปานกลาง อยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน (low and stable) รวมถึงไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด และให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะปานกลาง
- เสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินเข้มแข็ง มีความมั่นคง สามารถให้บริการลูกหนี้ ประชาชนและธุรกิจได้ต่อเนื่อง และดูแลไม่ให้เกิดจุดเปราะบางในระบบการเงินที่อาจลุกลามกลายเป็นวิกฤตในอนาคต
- เสถียรภาพระบบการชำระเงิน ดูแลให้ระบบมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ธุรกิจ และภาครัฐ ทั้งด้านความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และด้วยราคาที่สมเหตุสมผล
นายวิทัย กล่าวว่า ธปท. จะดำเนินนโยบายด้วยความเป็นอิสระ ภายใต้กรอบกฎหมาย โดยมีหลายเรื่องที่ต้องทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนมากขึ้น เพื่อผลักดันนโยบาย ตลอดจนจะเน้นประสานนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง (policy coordination) เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งเอื้อให้เกิดการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่จับต้องได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศ
พร้อมย้ำว่า การออกมาตรการใดก็ตาม ที่เป็น “มาตรการเฉพาะจุด” จะต้องตอบคำถามได้ว่าประชาชน ประเทศ และสังคม ได้อะไร ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่แท้จริงได้ ซึ่ง ธปท.ให้ความสำคัญในสิ่งนี้
“ยืนยันว่าจะดูแลเศรษฐกิจมหภาค ระบบการเงินและสถาบันการเงินให้มีความเข้มแข็ง ระบบชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพ และ ธปท. จะต้องมีอิสระในการดำเนินงาน แต่ก็พร้อมทำงานร่วมกับทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน ดูแลการออกมาตรการเฉพาะจุดอย่างใกล้ชิด รวมทั้งดูแลประชาชน และสังคมมากขึ้น” ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุ
- นโยบายสำคัญของ ธปท. (policy priorities) ในระยะต่อไป
1. การสานต่อแนวนโยบายการพัฒนาภาคการเงิน โดยเฉพาะการวางรากฐานให้ภาคการเงิน พร้อมรองรับกับกระแสโลกใหม่ ทั้งด้านดิจิทัล และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (financial landscape) เช่น โครงการ Your Data การพัฒนาระบบ digital payment ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ยืดหยุ่น และสนับสนุนให้ภาคเศรษฐกิจจริงเข้าถึงบริการทางการเงินครอบคลุมขึ้น รวมถึงการจัดตั้ง Virtual Bank
2. การทำงานของ ธปท. จะใกล้ชิดกับประชาชน และสังคมมากขึ้น ผ่านการรับฟังมุมมอง หรือข้อเรียกร้องจากสังคมให้รอบด้าน เพื่อประกอบการตัดสินนโยบาย และสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น ตลอดจนจะมีแนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน และธุรกิจที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การแก้หนี้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง การเพิ่มโอกาสให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ผ่านกลไกค้ำประกันเครดิตที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นขึ้น รวมทั้งกลไกกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สมดุลกับความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk-Based Pricing: RBP) ตลอดจนการทบทวนค่าธรรมเนียมของบริการทางการเงินให้เหมาะสมและเป็นธรรมขึ้น (fair pricing)
“ธปท. มุ่งหวังว่า การดำเนินงานตามพันธกิจ ควบคู่กับการออกนโยบาย และมาตรการของ ธปท. จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างสมดุลเข้าสู่ศักยภาพ เพื่อให้ประชาชน และประเทศชาติ ได้รับประโยชน์สูงสุด” นายวิทัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 68)