
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.) ว่าได้เพิกถอนวีซ่าชาวต่างชาติ 6 คน หลังจากชาวต่างชาติเหล่านี้ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียในเชิงยินดีต่อการลอบสังหารชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวชื่อดังฝ่ายอนุรักษนิยม
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้มอบเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดี (Presidential Medal of Freedom) ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์พลเรือนขั้นสูงสุดของประเทศให้แก่เคิร์กหลังการเสียชีวิต โดยพิธีจัดขึ้นในวาระที่เคิร์กจะมีอายุครบ 32 ปี
“สหรัฐฯ ไม่มีพันธะที่จะต้องต้อนรับชาวต่างชาติที่ปรารถนาให้ชาวอเมริกันต้องตาย” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์
สำหรับผู้ที่ถูกเพิกถอนวีซ่าทั้ง 6 คน มาจากแอฟริกาใต้, อาร์เจนตินา, เม็กซิโก, บราซิล, เยอรมนี และปารากวัย
กระทรวงฯ ได้ยกตัวอย่างความเห็น เช่น โพสต์ของชาวอาร์เจนตินาที่กล่าวหาว่าเคิร์กเป็นผู้ “เผยแพร่วาทกรรมเหยียดเชื้อชาติ เกลียดชังชาวต่างชาติ และเกลียดชังผู้หญิง” ขณะที่อีกรายโพสต์เป็นภาษาเยอรมัน มีใจความว่า “เมื่อพวกฟาสซิสต์ตาย เหล่านักประชาธิปไตยก็ไม่บ่นกันหรอก”
กระทรวงฯ ยังระบุอีกว่า กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อระบุตัวตนผู้ถือวีซ่ารายอื่น ๆ ที่แสดงความเห็นในเชิงสะใจต่อเหตุลอบสังหารเคิร์ก ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างร่วมงานกิจกรรมของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐยูทาห์เมื่อเดือนที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐฯ เคยประกาศเตือนว่าจะดำเนินการกับชาวต่างชาติที่ “ยกย่อง หาเหตุผลสนับสนุน หรือล้อเลียน” การเสียชีวิตของเคิร์ก
การเพิกถอนวีซ่าครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปราบปรามการเข้าเมืองอย่างเข้มงวดของรัฐบาลทรัมป์ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนม.ค. ซึ่งรวมถึงการเพิ่มการตรวจสอบโซเชียลมีเดีย การเพิกถอนวีซ่านักเรียนหลายพันฉบับ และความพยายามที่จะจำกัดระยะเวลาของวีซ่าประเภทอื่นให้รัดกุมขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)