
นายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย [CIMBT] ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ.มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) [MRDIYT] กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ MRDIYT ไม่เกิน 655,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 10.9% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด หลังจากการเพิ่มทุนและการเสนอขายในครั้งนี้ กำหนดราคาเสนอขาย IPO ไว้ที่ช่วงราคา 8.30-8.60 บาท/หุ้น โดยเปิดจองซื้อ IPO ระหว่างวันที่ 20-22 ต.ค. 68 โดยราคาเสนอขาย IPO สุดท้าย ซึ่งจะกำหนดจากกระบวนการ Book-building จะประกาศภายในวันที่ 24 ต.ค. 68 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในช่วงต้นเดือนพ.ย. 68
โดยการเสนอขาย IPO ของ MRDIYT ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 420,000,000 หุ้น, และหุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 235,000,000 หุ้น โดยการระดมทุนในครั้งนี้จะนำเงินไปใช้เพื่อเพื่อพัฒนาและขยายสาขา การพัฒนาระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ และการชำระคืนเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงินรวมถึงใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้การระดมทุนครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (Cornerstone Investors) โดยในประเทศไทย 2 ราย รวมไม่เกิน 49,418,800 หุ้น ได้แก่ บลจ.บัวหลวง และ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ด้านนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ 5 ราย รวมไม่เกิน 73,587,700 หุ้น ได้แก่ FIL Investment Management(Hong Kong), Lion Global Investors, Oaks Emerging Umbrella Fund, ABS Direct Eguity Fund และ Fiera Oaks EM Select Fund
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า MRDIYT เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีจฺดเด่นในด้านการเป็นร้านค้าที่ให้ประสบการณ์แบบ One Stop ซึ่งมีสินค้าที่อยู่ในร้าน MR. D.I.Y. ครบถ้วน ตอบแนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เข้ามา และทำให้นึกถึงร้าน MR. D.I.Y. เป็นที่แรก ประกอบกับราคาขายที่มีจุดเด่นตามสโลแกนของบริษัท Always Low Prices และการที่บริษัทมีการบริหารจัดการธุรกิจที่สามารถประหยัดต่อขนาด (Economy of scales)
ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของ MRDIYT ยังมีความแข็งแกร่ง จากการเติบโตของยอดขายและกำไรที่ต่อเนื่อง รวมทั้งมีการขยานสาขาที่ครอบคลุมแล้ว 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวม 1,027 สาขา และมีแผนการขยายสาขาเพิ่มเติมในอนาคต ทำให้ MRDIYT มีความโดดเด่นในเรื่องของการเติบโตของผลการดำเนิรงานที่ดีต่อเนื่อง
สำหรับมูลค่าการระดมทุนของ MRDIYT หากคำนวณจากกรอบราคาเสนอขาย IPO ดังกล่าว จะมีมูลค่า 5,437 – 5,633 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 173 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalisation) อยู่ในช่วง 49,946-51,747 ล้านบาท หลังจากการเพิ่มทุนของบริษัท ทำให้การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เป็น IPO ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 65
นายเอเดรียน ออง ประธานกรรมการ บมจ.มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) [MRDIYT] กล่าวว่า บริษัทประกอบธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป ภายใต้แบรนด์ “MR. D.I.Y.” ผ่านการนำเสนอสินค้ากว่า 16,000 รายการ ครอบคลุมใน 6 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่1.เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน 2. อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่าง 3. เครื่องใช้ไฟฟ้า 4. เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา 5. ของเล่น และ 6. สินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ
แม้ว่า MR. D.I.Y. มีต้นกำเนิดในมาเลเซีย แต่การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็เพื่อระดมทุนพัฒนาการเติบโตเสริมยอดขายในประเทศ ซึ่งของไทยถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโต โดยบริษัทมีแผนขยายสู้ 1,500 สาขาในปี 70 จากปัจจุบันที่มี 1,027 สาขา หรือเปิดเพิ่มขึ้นราว 200 สาขา/ปี
“การระดมทุนเสริมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องกับ MR. D.I.Y. ในไทยได้มีส่วนร่วมในการสร้างการเติบโตไปด้วยกัน “ นายเอเดรียนกล่าว
นายแอนดี้ ชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MRDIYT กล่าวว่า อุตสาหกรรมค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในประเทศไทยคาดการณ์ว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.4% จากมูลค่าตลาด 182.6 พันล้านบาท ในปี 67 จะเพิ่มขึ้นเป็น 237.8 พันล้านบาท ในปี 72 ซึ่งผู้ค้าปลีกในรูปแบบ Chain Retailer เช่น MR. D.I.Y. กำลังเติบโตเร็วกว่าตลาดโดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 15.3%
โดยปัจจุบันธุรกิจ MRDIYT มีส่วนแบ่งตลาด (Market share) ที่ 9% ซึ่งตัวเลขระดับหลักเดียวนี้ยังแสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของตลาดสินค้าตกแต่งบ้านในประเทศไทย โดยในปี 67 บริษัทมีรายได้รวม 1.62 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 28% มีกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี 30% ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพการขยายสาขา การพัฒนาระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ และการกระจายสินค้า และขยายสาขาอย่างต่อเนื่งง
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่แนวโน้มกำลังซื้ออาจชะลอตัวไปบ้าง ซึ่งกระทบต่มกลุ่มเป้าหมายหลักของ MRDIYT ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นว่ากลุ่มลูกค้าที มีรายได้สูง หรือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เริ่มเข้ามาซื้อสินค้าภายในร้าน MR. D.I.Y. มากขึ้น ทำให้สัดส่วนของกลุ่มลูค้รที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้นเป็น 18% จากก่อนหน้รที่ 15% โดยมองว่าคนกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีกำลังซื้งในการใช้จ่ายมากขึ้น ทำไห้เป็นโอกาสที่บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)