“สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” แตกหัก! โบกมือลาเพื่อไทย น้อยใจถูกลดบทบาท ยังไม่ปิดประตูการเมือง

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจลาออกการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว ส่งผลให้ต้องพ้นจาก สส.บัญชีรายชื่อด้วย โดยได้มอบให้ทีมงานนำเอกสารใบลาออกไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว

พร้อมระบุว่า การตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะพรรคเพื่อไทย กลายเป็นฝ่ายค้าน หรือกระแสตก แต่เหตุผลมาการบริหารจัดการภายในที่สะสมมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 เชื่อว่า สส.ส่วนใหญ่ก็อึดอัดกับสถานการณ์ในพรรคกับการจัดลำดับความสำคัญที่มีปัญหาค่อนข้างมาก แต่ผู้บริหารพรรคมองไม่เห็น ทั้งที่การเลือกตั้งทั้งในระดับ สส.หรือท้องถิ่น ก็ฟ้องอยู่ว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่ตนมีส่วนในการบริหารจัดการมาโดยตลอด ก่อนจะถูกลดบทบาท กระทั่งไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้เลย

“เลือกตั้งที่ จ.เชียงใหม่ ที่ล่าสุดได้มาเพียง 2 เขต ทั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพรรค จุดเปลี่ยนมาจากการที่พรรค สนับสนุนนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดถึง 2 สมัย แต่เมื่อได้ทำงาน กลับทำงานแบบไม่เห็นหัวใคร ไม่เคยประสาน สส.หรือผู้สมัคร สส.ของพรรคที่ไม่ใช่พวกตัวเอง มันก็เลยพังอย่างที่เห็น” นายสมพงษ์ กล่าว

พร้อมบอกว่า “จุดแตกหักสุดท้าย” คือกรณีที่พรรคมอบหมายให้เฟ้นหาผู้ที่มีศักยภาพ เพื่อเสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.เขต 1 จ.ลำพูน เมื่อได้คนที่มีความเหมาะสม และเริ่มให้ทำพื้นที่ก็ได้กระแสดี แต่พรรคตัดสินใจเลือกคนอื่น โดยไม่แม้แต่จะนำชื่อคนที่ตนไปชักชวน เข้าไปเป็นตัวเลือกในการพิจารณาด้วยซ้ำ

“เพราะผู้มากบารมีในพรรคบางคน เข้ามาล้วงลูก สั่งการจะเอาคนนั้นคนนี้ลง โดยไม่ทำโพล เมื่อกระแสพรรคเป็นแบบนี้ การวางตัวผู้สมัคร สส.ย่อมต้องละเอียดมากที่สุด จะทำกันแบบเดิม ๆ ไม่ได้” นายสมพงษ์ กล่าว

และยืนยันว่า การตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจเพียงลำพัง ไม่ได้หารือหรือแจ้งให้นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นบุตรชายรับทราบแต่อย่างใด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ครอบครัว และนายจุลพันธ์ ถือว่ามีความอาวุโสทางการเมือง และมีแนวทางของตัวเอง

“ไม่อยากให้มองว่าผมทิ้งพรรคเพื่อไทยในวันที่พรรคตกต่ำ เพราะที่ผ่านมา ผททุ่มเทเต็มที่ให้กับพรรค และกับครอบครัวชินวัตรมาโดยตลอด ยอมรับว่าใจหาย และเสียใจอย่างยิ่ง เพราะได้ร่วมบุกเบิกมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย” นายสมพงษ์ กล่าว

ส่วนงอนาคตทางการเมืองนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนอายุ 84 ปีแล้ว ในความเป็นจริงก็คิดที่จะพักผ่อน ปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ แต่ก็มีหลาย ๆ เรื่องที่ยังคั่งค้าง อยากผลักดันให้คนเชียงใหม่และคนไทยทั้งประเทศก่อน ที่จะวางมือทางการเมือง หากมีใครเห็นความสำคัญ และเห็นถึงความรู้ประสบการณ์ที่มีของตน ที่อาจไปช่วยเสริมในบางมิติให้นักการเมืองรุ่นลูกรุ่นหลานในลักษณะที่ปรึกษา ก็พร้อมและยินดี

โดยยืนยันว่าไม่ได้ถูกพรรคไหนดูดเข้าไปร่วมงาน เพราะแม้จะมีคนรู้จัก และสนิทสนมคุ้นเคยกับหลายพรรคการเมือง แต่คงไม่มีพรรคไหนกล้ามาดูดตนแน่นอน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 68)

ข่าวล่าสุด