
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมหารือแนวทางการยกเลิก MOU 43-44 ร่วมกับผู้บัญชาเหล่าทัพ, กระทรวงการต่างประเทศ, นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา MOU 43-44 สภาผู้แทนราษฎร มาร่วมพูดคุยกัน ซึ่งเป็นการพูดคุยนัดแรกถึงแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไร
โดยวันนี้มีการรับฟังทั้งข้อดีและข้อเสีย ในการบังคับใช้หรือจะยกเลิก รวมถึงรับฟังจากเหล่าทัพด้วยว่า MOU มีประโยชน์อย่างไร มีผลในทางปฏิบัติอย่างไร ก็ได้รับฟังข้อดีและข้อเสียจากกระทรวงการต่างประเทศด้วยว่าจะใช้เป็นคู่มือในการเจรจาพูดคุยกับทางกัมพูชา แต่ในทางปฏิบัติยังมีเรื่องใดบ้างที่ยังขาดตกบกพร่อง
“วันนี้เป็นการประชุมนัดแรก คิดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ น่าจะข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับ MOU 43-44”นายสิริพงศ์ กล่าว
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทางฝ่ายความมั่นคงยังไม่มีการยกประเด็น ข้อกังวลใดมาพูดคุยในที่ประชุม
ส่วนการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค.นี้ เพื่อให้ไทยและกัมพูชาเซ็นข้อตกลงเสรีภาพร่วมกันนั้น นายสิริพงศ์ เปิดกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้คำยืนยันว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางมาร่วมด้วย แต่ย้ำว่าหากจะต้องมีการลงนาม ทางกัมพูชาต้องดำเนินการตามทั้ง 4 ข้อที่ไทยเสนอไปก่อน
ด้านนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า การประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ ทิศทางเป็นไปในทางบวก และไทยพร้อมรับมือมากขึ้นกับทุกสถานการณ์ พร้อมย้ำว่า สถานการณ์จะดีขึ้นแน่ เพราะทุกคนกำลังร่วมมือกัน
ส่วนแนวทางการทำประชามติ จากที่เดิมมีแค่ยกเลิกหรือไม่ยกเลิกนั้น จากการประชุมวันนี้ จะมีการเพิ่มเรื่องการปรับปรุง MOU ด้วยหรือไม่นั้น นายไชยชนก ระบุว่า ยังมีอีกหลายแนวทางแต่ในรายรายเอียด ขอให้แต่ละฝ่ายไปทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อกลับมานำเสนออีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกดดัน แต่ยืนยันว่า MOU 43-44 มีการแยกศึกษาที่ไม่ใช่การเหมารวม ตรงไหนได้เปรียบหรือมีข้อกังวล ทุกอย่างจะถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด
โดยที่ประชุมมีการหารือว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเสนอข้อมูลเชิงลึก พร้อมกับยอมรับว่า หากมีการยกเลิกมีหลายรูปแบบไม่ใช่เพียงการฉีก MOU แต่จะต้องมีการกำหนดระยะเวลาในการยกเลิก
นายไชยชนก ยังระบุอีกว่า นายบวรศักดิ์ ยังได้กำชับหน่วยงานด้านความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศ ให้เตรียมศึกษาสถานการณ์ทุกรูปแบบ และที่ได้รับสารจากที่ประชุมในวันนี้ ต้องให้ความเป็นธรรมว่าทุกฝ่ายทำตามนโยบายรัฐบาลนั้น ๆ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งว่าที่ผ่านมา กระทรวงพยายามทำตามนโยบายทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ไปศาลโลก แต่ขณะนี้ไม่ใช่ว่านโยบายของรัฐบาลจะไปสู้ในศาลโลก แต่นายบวรศักดิ์ ได้ให้นโยบายว่าเราต้องมีความพร้อม ไม่ว่าเรื่องจะไปสู่ศาลโลกหรือไม่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะทำการบ้านเพิ่มเติม หากต้องไปศาลโลก เพื่อให้ไทยไม่เสียเปรียบ
“แนวโน้มในที่ประชุมเห็นได้ถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งฝั่งความมั่นคงและรัฐบาล ทำให้มั่นใจได้ว่า ทั้งรัฐบาลและประเทศไทย จะมีความพร้อมมากขึ้น และไม่ว่าผลของการทำประชามติจะออกมาในรูปแบบใดที่จะทำให้เราได้เปรียบมากขึ้นในทุกสถานการณ์ และหลังนี้ทุกฝ่ายจะกลับไปทำการบ้านมา” นายไชยชนก กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 68)