รัฐบาลประสานเสียง เซ็น MOU “แร่หายาก” ไทย-สหรัฐฯ อยู่ภายใต้กม.-ไม่ทำให้ประเทศเสียหาย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ชี้แจงกรณีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านแร่หายาก (แรร์เอิร์ธ) กับสหรัฐฯ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรวิตกกังวล เอกสารดังกล่าว อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใด ๆ

“MOU แรร์เอิร์ธ” หมายถึงการแสดงเจตจำนงร่วมมือในด้านแร่ธาตุที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นแนวทางปกติในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขชัดเจนว่า ทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และกฎหมายของไทยทั้งหมด

“อย่าเพิ่งตัดสินจากหัวข้อ ต้องอ่านเนื้อหาก่อนวิจารณ์ เพราะทุกอย่างอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย” นายอนุทิน กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สหรัฐฯ แสดงความต้องการเข้ามาร่วมพัฒนาเทคโนโลยี และการวิจัยในสาขาแร่หายาก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในทรัพยากร แต่ยังขาดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี โดย MOU ฉบับนี้เป็นเพียงแนวทางความร่วมมือเบื้องต้น ไม่ได้มีข้อผูกพันหรือบังคับให้ไทยต้องดำเนินการใด ๆ หากต่อมาเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ ก็สามารถยุติข้อตกลงได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่าย

“นี่คือ MOU จริงๆ เป็นเพียงความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา หรือสัญญาทางกฎหมาย (Agreement/Contract/Treaty) ดังนั้นไม่มีผลผูกพันใดๆ ต่อประเทศ” นายอนุทิน กล่าว และว่า เป็นการจุดประกายความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ต่อเนื่องจากการลงนามปฏิญญาแสวงหาสันติภาพกับกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากการหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขอให้ช่วยพิจารณาลดภาษีศุลกากร (Tariff) เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ นี่คือการสร้างมิตรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อผลดีต่อประเทศไทย และรัฐบาลพร้อมเปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพราะไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด ทุกอย่างอยู่บนหลักความโปร่งใสและผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง

ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมมือกันในการเสริมสร้างการกำกับดูแลที่ดีต่อทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ เพื่อขยายความเชื่อมโยงของประเทศไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกที่มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของความมั่นคง ความหลากหลาย ความคล่องตัว และความเป็นธรรมสำหรับห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ ทั้งในด้านการสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การใช้ประโยชน์ปลายทางอย่างเหมาะสม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในเชิงลึกยิ่งขึ้น เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย

จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ไทยสามารถเข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญในระดับโลก โดยเน้นย้ำว่าต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลขั้นสูงสุด และตระหนักถึงความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค กฎระเบียบ นโยบาย การดำเนินงาน การบริหารจัดการภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงประสบการณ์ที่เป็นลักษณะเฉพาะด้านทรัพยากรแร่ธาตุ ที่ทั้งสองประเทศมีอยู่ เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคง และความน่าเชื่อถือในการจัดหาทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ และจากข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่มีแหล่งที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นการลงนามใน MOU นี้จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการสำรวจ การแปรรูป และการใช้ประโยชน์จากแร่ธาตุที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับนโยบายของนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าภายในประเทศ และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาแหล่งทรัพยากรในประเทศ

“ความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีเสถียรภาพ สำหรับการลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุน อย่างไรก็ตาม บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย และหากจะมีการลงทุนในประเทศไทยจริง ผู้ประกอบการก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของไทย รวมถึงมาตรการในการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนอย่างเข้มงวด” นายอดิทัต กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 68)