
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีไทย ขึ้นเวทีสนทนาแสดงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ซึ่งจัดโดย สภาธุรกิจอาเซียน ในห้วงสัปดาห์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งแม้ขณะนี้จะมีสถานการณ์ที่ท้าทายหลายเรื่อง แต่รัฐบาลมีแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างชัดเจน มุ่งสร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมในระยะสั้น ที่มีผลต่อเนื่องในระยะยาว เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและวางรากฐานการเติบโตใหม่ของประเทศ
โดยมีมาตรการสำคัญ อาทิ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนกว่า 13-14 ล้านคน และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน การสนับสนุน SME เข้าสู่ระบบเฟรนไชส์ด้วยมาตรฐาน การอบรม และการเข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยโครงการ “Fast Plus Pass” ที่ลดขั้นตอนทางราชการและเร่งการอนุมัติของ BOI เพื่อให้นักลงทุนตั้งกิจการในไทยได้รวดเร็วขึ้น
รมว.พาณิชย์ ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายระยะยาว จะใช้จุดแข็งของไทยในด้านการเกษตร สู่การเป็นศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาค พร้อมส่งเสริมภาคเอกชนปรับตัวสู่มาตรฐาน ESG และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยระบุ 7 อุตสาหกรรมอนาคตที่จะเป็นหัวใจในการยกขีดความสามารถของประเทศได้แก่ ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์, เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง, ยานยนต์ยุคใหม่, อาหารแห่งอนาคต, พลังงานสะอาด, เทคโนโลยีชีวภาพ และวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ

นางศุภจี กล่าวด้วยว่า ไทยยังมีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ และดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์เชื่อมโยงจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบทบาทของไทย ในฐานะประธานการเจรจาจัดทำความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ซึ่งจะยกระดับอาเซียนให้เป็นภูมิภาคแห่งเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีความเชื่อมโยง แข็งแกร่ง และยืดหยุ่น
ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งจำกัด แต่นางศุภจี ย้ำว่า ประเทศไทยมีแผนเศรษฐกิจที่ชัดเจน และเดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการสร้าง “ชัยชนะทางเศรษฐกิจระยะสั้น” โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้กับประชาชน ควบคู่กับการสร้างรากฐานเศรษฐกิจอนาคต เพื่อให้ไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และเปิดกว้างของภูมิภาคอีกครั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 68)





