
เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับอาชญากรรมการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยหลายกรณีเชื่อมโยงกับการหลอกลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี สร้างความเสียหายให้กับเหยื่อไปแล้วกว่า 1 แสนล้านวอน (ราว 2.28 พันล้านบาท) นับตั้งแต่ต้นปีมานี้ ขณะที่อัตราการจับกุมผู้กระทำผิดกลับมีไม่ถึง 50%
จากข้อมูลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยื่นต่อ ฮัน บยอง-โด สส.พรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย. ปีนี้ มีการแจ้งความคดีโรแมนซ์สแกมรวม 1,565 คดี ขณะที่มูลค่าความเสียหายรวมเพิ่มขึ้นถึง 48% จากปี 2567 อย่างไรก็ดี แม้จำนวนคดีจะพุ่งสูงขึ้น แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพียง 46.9%
สมาชิกสภานิติบัญญัติเกาหลีใต้เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มการเฝ้าระวังแพลตฟอร์มหาคู่ออนไลน์ที่เต็มไปด้วยบัญชีปลอมอย่างเข้มงวด
“โรแมนซ์สแกมไม่ใช่อาชญากรรมที่เกิดขึ้นเดี่ยว ๆ อีกต่อไป” สส.ฮัน กล่าว “มันคือปฏิบัติการข้ามชาติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการประสานงานกันในระดับโลก”
เดอะโคเรียเฮอรัลด์รายงานว่า คดีโรแมนซ์สแกมเริ่มปรากฏชัดมากขึ้นตั้งแต่ประมาณปี 2563 จนเป็นเหตุให้ทางการเกาหลีใต้เริ่มติดตามความสูญเสียอย่างเป็นทางการในปี 2567
ตามข้อมูลของตำรวจ มีการรายงานคดี 1,265 คดี รวมความเสียหาย 6.75 หมื่นล้านวอนในระหว่างเดือนก.พ.-ธ.ค. 2567 และเพียงช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มีการแจ้งความเพิ่มอีก 1,163 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึงกว่า 7 หมื่นล้านวอน รวมแล้วมีการแจ้งความถึง 2,428 คดี ในเวลาไม่ถึง 18 เดือน
มิจฉาชีพพัฒนารูปแบบการหลอกลวง
ปัจจุบัน การหลอกลวงประเภทโรแมนซ์สแกม ซึ่งใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่สร้างขึ้นผ่านโลกออนไลน์ ได้พัฒนารูปแบบซับซ้อนขึ้น โดยพ่วงมากับการหลอกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลปลอม และใช้กลอุบายที่เรียกว่า “การเชือดหมู” ซึ่งเป็นวิธีการที่มิจฉาชีพจะ “ขุนเหยื่อ” ด้วยความรักจอมปลอมและผลกำไรเล็กน้อยในช่วงแรก ก่อนจะ “เชือด” ด้วยการหลอกให้ลงทุนก้อนใหญ่จนเกิดความสูญเสียทางการเงินอย่างมหาศาล
มิจฉาชีพจะติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหรือแอปพลิเคชันหาคู่ พยายามพูดคุยสานสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างความใกล้ชิดสนิทสนม จากนั้นจึงแนะนำแพลตฟอร์มการลงทุนที่แสดงผลตอบแทนที่ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อเหยื่อหลงเชื่อลงทุนด้วยเงินจำนวนมากหรือพยายามถอนเงินออกจากระบบ แพลตฟอร์มเหล่านั้นก็จะอันตรธานหายไป และการติดต่อกับมิจฉาชีพก็จะยุติลงทันที
กลวิธีของกลุ่มมิจฉาชีพได้พัฒนาไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เดิมทีโรแมนซ์สแกมมักจะดำเนินการโดยมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นชาวต่างชาติ เช่น แพทย์ที่ประจำการในต่างประเทศ ทหารในภารกิจรักษาสันติภาพ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากนั้นจึงเข้าหาเหยื่อชาวเกาหลีใต้ผ่านโซเชียลมีเดียหรือแอปหาคู่ โดยอ้างว่ากำลังวางแผนเดินทางไปเกาหลีใต้ หรือได้รับมรดกก้อนใหญ่ แผนการเหล่านี้ส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ที่ใช้ภาษาอังกฤษ โดยใช้โปรไฟล์ชาวต่างชาติและภาพถ่ายที่ขโมยมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือก่อนจะร้องขอเงินโดยอ้างว่าเป็นค่าเดินทาง ค่าธรรมเนียมศุลกากร หรือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปฏิบัติการเหล่านี้มีความซับซ้อนและถูกปรับให้เข้ากับท้องถิ่นมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มอาชญากรรมที่จัดตั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าจ้างผู้ที่สามารถพูดภาษาเกาหลีได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้มีมิจฉาชีพจำนวนมากปลอมตัวเป็นชาวเกาหลีใต้ ใช้ชื่อ สำเนียง และแม้แต่วัฒนธรรมทางสังคมแบบเกาหลีที่สมจริงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย
ในคดีสำคัญคดีหนึ่ง คู่สามีภรรยาชาวเกาหลีใต้ที่เชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่าย “เชือดหมู” มูลค่า 1.2 หมื่นล้านวอน ถูกจับกุมในกัมพูชาเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งคดีนี้กลายเป็นชนวนเหตุให้รัฐบาลเกาหลีใต้ยื่นเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ ขณะที่คดีอื่น ๆ ในกัมพูชาเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เผยให้เห็นวิธีการที่เครือข่ายเหล่านี้สรรหาและฝึกฝนชาวเกาหลีใต้ในพื้นที่เพื่อดำเนินการฉ้อโกงออนไลน์ขนาดใหญ่โดยมีเป้าหมายคือเหยื่อในประเทศบ้านเกิดของตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังทำให้ภัยคุกคามนี้ขยายวงกว้างขึ้น มีการใช้ภาพวิดีโอดีปเฟก (Deepfake) และบัตรประจำตัวที่ถูกปลอมแปลงเพื่อสวมรอยเป็นนักแสดง ทหาร หรือผู้บริหารธุรกิจ อีกทั้งแผนการฉ้อโกงก็เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการหลอกให้รักและหลอกลงทุนคริปโทฯ แล้ว มิจฉาชีพยังปลอมเป็นบริษัทขนส่งที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมศุลกากรสำหรับพัสดุที่ไม่มีอยู่จริง ชักชวนเหยื่อให้ “ลงทุน” ในศูนย์การค้าออนไลน์ และเสนอ “ของขวัญ” เป็นคะแนนสะสมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ แต่ต้องมี “ค่าธรรมเนียมดำเนินการ”
ตำรวจกล่าวว่า สิ่งที่ทำให้การหลอกลวงเหล่านี้สร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรงคือการบงการเหยื่อ “มันไม่เกี่ยวกับว่าเหยื่อเป็นคนซื่อจนเกินไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกล่าว “ผู้กระทำผิดใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจทางอารมณ์ นั่นคือเหตุผลที่เหยื่อหลงกลติดกับดัก”
สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ในชุมชนออนไลน์ของเกาหลีใต้ มีผู้โพสต์เล่าเรื่องราวความสูญเสียตั้งแต่ไม่กี่แสนวอนไปจนถึงหลายสิบล้านวอน ขณะที่บางรายถึงขั้นสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิต และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวช
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 68)





