BofA ชี้ทองคำยังขาขึ้น คาดราคาทะยานถึง 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า

ธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America – BofA) ประเมินว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องปกติที่สอดคล้องกับภาวะตลาด และคาดว่าราคาทองจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป โดยอาจแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในปี 2569

BofA แนะนำพอร์ตการลงทุนในสัดส่วน 60:20:20 (หุ้น 60%, พันธบัตร 20%, ทองคำ 20%) โดยระบุว่าพอร์ตในรูปแบบนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่านับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

ในรายงาน Global Metals Weekly ล่าสุดนั้น ไมเคิล วิดเมอร์ นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ BofA ระบุว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากแรงหนุนของปัจจัยมหภาคหลายด้าน แม้ตลาดจะอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) แต่เขามองว่าการปรับขึ้นรอบนี้ไม่ได้แตกต่างจากช่วงตลาดกระทิงของทองคำที่เกิดขึ้นตั้งแต่หลังปี 2513

BofA คาดว่า ราคาทองคำเฉลี่ยในไตรมาส 4 ปีนี้จะอยู่ที่ 3,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า โดยมองว่าตลาดกระทิงของทองคำจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานที่เป็นแรงขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงไป

รายงานระบุว่า ปัจจัยที่เคยส่งผลต่อวัฏจักรราคาทองในอดีต ได้แก่ วิกฤตน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจชะงักงัน (stagflation) การฟื้นตัวทางการค้า ข้อตกลงพลาซา (Plaza Accord) มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย BofA มองว่า ราคาทองจะหยุดปรับตัวขึ้นก็ต่อเมื่อปัจจัยเหล่านี้หมดแรงหนุน

วิดเมอร์ระบุเพิ่มเติมว่า BofA มีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำจากการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงในช่วงรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และยังคงมุมมองเชิงบวกดังกล่าวต่อเนื่องมาในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เป็นแบบแผนหลายประการ โดยปัจจัยเหล่านี้ยังคงเป็นแรงหนุนราคาทองคำในปัจจุบัน

นอกจากนี้ BofA ระบุว่า แม้ราคาทองจะอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป แต่ก็ยังมีการลงทุนในทองคำในระดับต่ำ โดยสัดส่วนการลงทุนในทองคำรวมทั่วโลกอยู่ที่เพียง 5% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ทั้งหมด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)