
สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ (29 ต.ค.) โดยระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงมีมุมมองว่าเศรษฐกิจภายในประเทศกำลังฟื้นตัวปานกลาง แต่ยังคงเตือนว่า การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตราที่สูงขึ้นนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อภาคยานยนต์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้คงการประเมินภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไว้ที่ระดับดังกล่าวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งสะท้อนให้ว่าองค์ประกอบหลักที่รัฐบาลใช้ในการพิจารณาการเติบโตเศรษฐกิจนั้น มีการฟื้นตัว เช่น การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวระบุว่า ผลกระทบที่เกิดจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้ปรากฏให้เห็นเป็นส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะเดียวกันก็ประเมินว่าการส่งออกอยู่ในระดับ “เกือบทรงตัว”
รายงานของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นในอัตราสูงเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ยอดการส่งออกรถยนต์จากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ ก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี ในเดือนก.ค.นั้น ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จาก 27.5% เหลือ 15% ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางเดือนก.ย.
สำหรับองค์ประกอบอื่น ๆ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ปรับลดการประเมินภาวะการล้มละลายของบริษัทเอกชนเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือน จากเดิมที่ประเมินว่า “เกือบทรงตัว” เป็น “ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้” โดยอ้างถึงจำนวนธุรกิจที่ล้มละลายมากขึ้น ท่ามกลางภาวะขาดแคลนแรงงาน
รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนฉบับนี้ถือเป็นฉบับแรกนับตั้งแต่ซานาเอะ ทาคาอิจิ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 ต.ค. โดยรายงานฉบับล่าสุดนี้ยังได้สะท้อนถึงจุดยืนทางเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิที่ให้คำมั่นที่จะสร้าง “เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง” ผ่านการขยายตัวทางการคลังเชิงรุกและมีความรับผิดชอบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)





