
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.31/32 บาท/ดอลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.41 บาท/ดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคเคลื่อนไหวแข็งค่า โดยปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า คือราคาทองที่ปรับตัวขึ้นอยู่ระดับประมาณ 4,030 ดอลลาร์ ประกอบกับวานนี้ มีเงินทุนไหลเข้าไทย (Flow) ค่อนข้างเยอะทั้งพันธบัตร และหุ้น
สำหรับปัจจัยที่ตลาดรอดูวันนี้ คือ การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย.ของสหรัฐฯ
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.20 – 32.50 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 153.67/68 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 153.73 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1573/1575 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1616 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.433 บาท/ดอลลาร์
- นายกฯ เปิดเผยว่า การถกนอกรอบกับผู้นำสหรัฐฯ ไทยมีลุ้นได้เงื่อนไขดีอัตราภาษีการค้าสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ได้หารือประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ดันเป้าการค้าให้ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการันตีดูแลเอกชนเกาหลีเต็มที่ ขึ้นเวทีเอเปค ชูไทยสะพานเชื่อมเศรษฐกิจโลก
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เป็น 2.4% จากเดิมคาด 2.2% ผลบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอย่าง “คนละครึ่งพลัส” และส่งออกขยายตัวดี
- ผู้อำนวยการ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส วันที่ 2 เป็นไปด้วยความคึกคัก ประชาชนยังคงจับจ่ายใช้สอยตามปกติ การใช้จ่ายรวม 2 วัน (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 ต.ค. 68 เวลา 17.00 น.) มียอดการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัสสะสม อยู่ที่ 3,181 ล้านบาท
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเดือนธ.ค.ยังคงมีความไม่แน่นอน
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
- ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคและครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน การคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.15%
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ ระบุว่า เขาได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการเดินทางเยือนเอเชียในครั้งนี้ รวมทั้งการเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ก็เป็นไปอย่างราบรื่นและมี
 ความคืบหน้าในหลายประเด็น พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่แข็งแกร่ง และจะมีความแน่นแฟ้นมากขึ้นในอนาคต
- นักลงทุนพากันลดน้ำหนักการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ยังคงมี
 ความไม่แน่นอน เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ทำให้การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจได้หยุดชะงักลง
- สหรัฐฯ ประสบปัญหาการขาดแคลนข้อมูลเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ทำให้การเผยแพร่ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ผู้กำหนดนโยบาย สถาบันการเงิน และภาคธุรกิจต้องดำเนินการต่อไปโดยขาดข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)
 
								




