
โซห์ราน มัมดานี ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กคนที่ 111 ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ และจะทำให้นักสังคมนิยมประชาธิปไตยผู้นี้เข้ามาบริหารนครนิวยอร์กซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของการเงินโลก
รายงานของสำนักข่าวเอพีระบุว่า มัมดานีได้คะแนนเสียง 50.4% ในขณะที่แอนดรูว์ คัวโม อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ซึ่งลงชิงชัยในฐานะผู้สมัครอิสระหลังจากที่เขาพ่ายแพ้ให้กับมัมดานีในการเลือกตั้งขั้นต้นนั้น ได้คะแนน 41.3% ส่วนเคอร์ติส สลิวา จากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนเพียง 7.5% โดยการนับคะแนนเสร็จสิ้นไปไปแล้ว 75%
ทั้งนี้ เมื่อมัมดานี วัย 34 เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า เขาจะกลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดในรอบศตวรรษที่ดำรงตำแหน่งนี้ นอกจากนี้ มัมดานีจะเป็นนายกเทศมนตรีมุสลิมคนแรกของนครนิวยอร์ก และเป็นคนเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกที่เข้ามาบริหารนครนิวยอร์กในประวัติศาสตร์ 400 ปี โดยเขาจะเข้ามาแทนที่ เอริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีวาระแรกซึ่งถอนตัวออกจากการแข่งขันเนื่องจากมรสุมรุมเร้า ทั้งคดีรับสินบนที่ถูกรัฐบาลกลางสั่งฟ้อง และคะแนนนิยมที่ดิ่งเหวอย่างหนัก
การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดในรอบทศวรรษของนครนิวยอร์ก ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากความสนใจและการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่สูง โดยข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งนครนิวยอร์กระบุว่า มีผู้มาลงคะแนนเสียงมากกว่า 2 ล้านคนทั่วนครนิวยอร์ก ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2512
สำหรับนโยบายที่มัมดานีชูเป็นหลักได้แก่ การเพิ่มอัตราภาษีสำหรับกลุ่มผู้มั่งคั่งที่สุดในนิวยอร์กซิตี การปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล การตรึงอัตราค่าเช่าอะพาร์ตเมนต์ที่มีการควบคุม (stabilized apartment) กว่า 1 ล้านยูนิต ขยายโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ตลอดจนให้เงินสนับสนุนรถบัสฟรี และการดูแลเด็กแบบถ้วนหน้า
มัมดานีเป็นนักการเมืองที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่สามารถสร้างปรากฏการณ์เอาชนะคัวโมในการเลือกตั้งรอบไพรมารีของพรรคเดโมแครตได้แบบผิดคาด ด้วยแคมเปญรากหญ้าที่ใช้โซเชียลมีเดียอย่างชาญฉลาด
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ประกาศก่อนหน้านี้ว่า เขาจะจำกัดการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลกลางแก่นครนิวยอร์ก หากโซห์ราน มัมดานี คว้าชัยในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี
ตลอดช่วงของการรณรงค์หาเสียง พรรครีพับลิกันได้โจมตีมัมดานีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปธน.ทรัมป์ที่ตราหน้าว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ แม้ว่าเจ้าตัวจะนิยามตนเองว่าเป็น “นักสังคมนิยมประชาธิปไตย” (democratic socialist) ก็ตาม
การก้าวขึ้นมาของมัมดานีถือเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสสำหรับพรรคเดโมแครตในภาพรวมระดับประเทศ ซึ่งตระหนักดีถึงความจำเป็นในการสร้างฐานเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลต่อการโจมตีของพรรครีพับลิกัน จากกรณีที่มัมดานีวิพากษ์วิจารณ์การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอล รวมถึงอุดมการณ์สังคมนิยมประชาธิปไตยของเขา ซึ่งสร้างความวิตกให้แก่กลุ่มทุนในแวดวงการเงินของนิวยอร์ก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)





