แบงก์ชาติสิงคโปร์ร่วมวงเตือนมูลค่าหุ้นเทคร้อนแรงอาจทำตลาดหุ้นเจอฟองสบู่

ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เป็นสถาบันการเงินรายล่าสุดที่ออกมาเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของมูลค่าหุ้นในภาคเทคโนโลยีที่สูงเกินไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของธนาคารในวอลล์สตรีทได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงดังกล่าว

MAS ระบุในรายงานทบทวนเสถียรภาพทางการเงิน (Financial Stability Review) ประจำปีที่เผยแพร่ในวันนี้ (5 พ.ย.) ว่า “ตลาดหุ้นบางแห่งกำลังเผชิญกับมูลค่าที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI)” และเสริมว่า การที่นักลงทุนมีมุมมองบวกลดลงเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการสร้างผลตอบแทนในอนาคตได้อย่างเพียงพอนั้น อาจทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะปรับฐานอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง และนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นในตลาดสินเชื่อภาคเอกชน

รายงานของ MAS ยังระบุด้วยว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนจำนวนมากที่เข้าลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศมีความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ MAS ยังชี้ให้เห็นว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่บางแห่งใช้วิธีการจัดหาเงินทุนส่วนตัวรูปแบบใหม่และอาจทำเป็นวงจร เพื่อเป็นทุนในการขยายกิจการ ซึ่งทำให้บริษัท AI บางแห่งอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการสร้างรายได้เพื่อชำระคืนนักลงทุนและเจ้าหนี้

MAS ยังตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดหุ้นที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับการพุ่งขึ้นของราคาทองคำและการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของสกุลเงินดอลลาร์นั้น บ่งชี้ถึงความวิตกกังวลของนักลงทุน นอกจากนี้ รายงานของ MAS ยังบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในตลาดอื่น ๆ รวมถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นในตลาดพันธบัตรรัฐบาล เกี่ยวกับความยั่งยืนทางการคลัง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ระดับหนี้สาธารณะปรับตัวสูงขึ้น

คำเตือนดังกล่าวของ MAS มีขึ้นหลังจากผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีทได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงเกินจริง อันเนื่องมาจากกระแสการตอบรับเทคโนโลยี AI ที่มากจนเกินไป

เดวิด โซโลมอน ซีอีโอของธนาคาร Goldman Sachs กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานลงราว 10-20% ภายในเวลา 12-24 เดือนข้างหน้า” ขณะที่ เท็ด พิค ซีอีโอของธนาคาร Morgan Stanley กล่าวว่า “เราควรเตรียมตัวรับมือการปรับฐานราว 10-15% ซึ่งไม่ได้เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจระดับมหภาค”

คำกล่าวของซีอีโอ Goldman Sachs และ Morgan Stanley เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan Chase เคยเตือนในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับการปรับฐานลงอย่างมีนัยสำคัญภายในเวลา 6 เดือนถึง 2 ปีข้างหน้า โดยอ้างถึงปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)