
องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกในปี 2567 เพิ่มขึ้น 2.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.77 หมื่นล้านตัน ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามที่กำหนดไว้ในความตกลงปารีส พร้อมกับเตือนว่า หากทุกประเทศไม่เร่งดำเนินการแก้ไข อุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.8 องศาเซลเซียสภายในศตวรรษนี้
รายงานจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) ระบุว่า ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในปี 2567 คือประเทศจีน ที่ 15.6 พันล้านตัน รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา 5.9 พันล้านตัน อินเดีย 4.4 พันล้านตัน สหภาพยุโรป 3.2 พันล้านตัน และรัสเซีย 2.6 พันล้านตัน
ขณะที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ (G20) ไม่รวมสหภาพแอฟริกา มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 77% ของทั้งหมด ซึ่งรายงาน UNEP เรียกร้องให้ประเทศเหล่านี้ดำเนินการมาตรการที่ทะเยอทะยานมากขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซ พร้อมทั้งระบุด้วยว่า หากสหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ อุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้นอีก 0.1 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ เพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ทั่วโลกจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 55% จากระดับปี 2562 ให้ได้ภายในปี 2578 แต่ถึงแม้ทุกประเทศจะบรรลุเป้าหมายในปัจจุบัน UNEP คาดการณ์ว่าปริมาณการปล่อยก๊าซจะลดลงราว 15% เท่านั้น
รายงานระบุด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากปริมาณก๊าซที่จำเป็นต้องลด และกรอบเวลาบรรลุเป้าหมายที่เหลืออยู่จำกัด จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกจะเพิ่มสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในทศวรรษหน้า และถึงแม้ทุกประเทศที่ลงนามในความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2558 จะสามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ภายในปี 2578 แต่คาดว่าอุณหภูมิโลกจะยังคงเพิ่มขึ้นระหว่าง 2.3-2.5 องศาเซลเซียส
UNEP เตือนว่า เป็นเรื่องยากที่จะพลิกสถานการณ์ โดยจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เร็วขึ้นและมากขึ้น เพื่อลดปริมาณก๊าซที่เกินเป้าหมายให้เหลือน้อยที่สุด ตลอดจนบรรเทาความเสียหายต่อชีวิตและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การเปิดเผยรายงานดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่การประชุมสมัชชารัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 หรือ COP30 จะเปิดฉากขึ้นระหว่างวันที่ 10-21 พ.ย.นี้ ที่ประเทศบราซิล ซึ่งหลายฝ่ายกำลังรอดูว่าการประชุมดังกล่าวจะนำไปสู่การเสริมสร้างมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขภาวะโลกร้อนได้หรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 68)





