
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) หลังจากดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.05% ปิดที่ 3,991.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ปีเตอร์ แกรนท์ นักวิเคราะห์ Zaner Metals กล่าวว่า การที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกชัตดาวนเป็นเวลานาน รวมทั้งความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากร จะเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย พร้อมกับคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทำผลงานได้ดีในช่วงสิ้นปีนี้ โดยให้กรอบเป้าหมายราคาทองคำในช่วงสิ้นปีไว้ที่ 4,300 – 4,400 ดอลลาร์/ออนซ์
มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดีในวันพุธที่ผ่านมา เพื่อชี้ชะตาว่าการที่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศทั่วโลกนั้น เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) หรือไม่ โดยในการพิจารณาคดีดังกล่าว ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้แสดงความสงสัยต่อความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากรที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ศาลฎีกายังไม่ประกาศคำตัดสินในวันดังกล่าว เนื่องกระบวนการพิจารณาอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน อันเนื่องมาจากประเด็นต่าง ๆ มีความซับซ้อนสูง และคาดว่าอย่างช้าที่สุด ศาลจะมีคำวินิจฉัยภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 2569
หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกชัตดาวน์ เป็นวันที่ 37 แล้วในวันพฤหัสบดี ส่งผลให้นักลงทุนต้องเผชิญกับการขาดแคลนข้อมูลเศรษฐกิจ และหันไปพึ่งพาข้อมูลทางเลือกจากภาคเอกชน โดย Challenger, Gray & Christmas ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจ้างงาน เปิดเผยว่า การประกาศเลิกจ้างพนักงานของภาคเอกชนในสหรัฐฯ มีจำนวนรวม 153,074 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นถึง 183% เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ทำการปรับโครงสร้างพนักงานให้เหมาะสมกับยุคของ AI ที่กำลังมีการขยายตัว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในตลาดแรงงาน
นอกจากนี้ ปัญหาการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลยังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งต้องพึ่งพาข้อมูลเศรษฐกิจด้วยนั้น กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เขามีความลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลทำให้ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวล โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปเริ่มกลับมาสูงขึ้นในระยะนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 68)





