รองปธน.ไต้หวันเรียกร้องสันติภาพข้ามช่องแคบ ชี้เป็นรากฐานความมั่งคั่งของโลก

เซียว เหม่ยฉิน รองประธานาธิบดีไต้หวัน เรียกร้องให้เกิดสันติภาพระหว่างสองฝั่งของช่องแคบไต้หวันในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อกลุ่มสมาชิกรัฐสภานานาชาติที่อาคารรัฐสภายุโรป เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ผู้แทนระดับสูงของไต้หวันได้กล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาต่างประเทศ

ทั้งนี้ มีเพียงนครรัฐวาติกันเท่านั้นที่เป็นประเทศยุโรปซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป

การเดินทางเยือนเบลเยียมของเซียว พร้อมด้วยหลิน เจียหลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน คาดว่าจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากจีนแผ่นดินใหญ่

เซียว ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไต้หวันประจำสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ กล่าวระหว่างงานที่จัดโดย “พันธมิตรสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศว่าด้วยจีน” (Inter-Parliamentary Alliance on China) ว่า ความมั่นคงระหว่างสองฝั่งของช่องแคบไม่ใช่เพียงประเด็นระดับภูมิภาค แต่เป็นรากฐานของความมั่งคั่งระดับโลก

เธอกล่าวอีกว่า เธอเป็นตัวแทนของสังคมที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยเช่นเดียวกับรัฐสภาทั่วโลก พร้อมระบุว่า ไต้หวันมีความสำคัญไม่ใช่เพราะเป็น “เหยื่อของการบีบบังคับ” แต่เพราะเสถียรภาพของระบบระหว่างประเทศและความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจทั่วโลกต่างขึ้นอยู่กับการคงอยู่ของไต้หวันที่เสรี

จีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์และไต้หวันปกครองแยกจากกันตั้งแต่ปี 2492 หลังสงครามกลางเมือง โดยจีนมองว่าเกาะไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีนที่ต้องรวมชาติกลับคืนมา แม้จะต้องใช้กำลังก็ตาม

ความตึงเครียดระหว่างสองฝั่งช่องแคบเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ ไล่ ชิงเต๋อ ซึ่งจีนมองว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อเดือนพ.ค. ปีที่แล้ว

เซียวกล่าวว่า จากแรงกดดันทางทหารและความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นจากจีน ไต้หวันมีเป้าหมายจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมให้ถึง 5% ของจีดีพีภายในปี 2573 พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” โดยไต้หวันกำลังร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานและขยายความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในด้านเทคโนโลยีพลังงาน, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการป้องกันประเทศ

เธอกล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็น “กระดูกสันหลังของเศรษฐกิจโลกที่มั่นคงและยืดหยุ่น โดยเฉพาะในยุคแห่ง AI ที่กำลังมาถึง”

ทั้งนี้ เซียวเคยเดินทางเยือนกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เป็นเวลา 3 วันเมื่อเดือนมี.ค. ปีที่แล้ว หลังจากพรรคของเธอชนะการเลือกตั้ง แต่ก่อนที่เธอจะเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี โดยต่อมาสื่อเช็กรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเธอระหว่างการเยือนครั้งนั้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 68)