
ความเชื่อมั่นของภาคการผลิตญี่ปุ่นในเดือนพ.ย. พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี จากผลสำรวจทังกัน (Tankan) ของสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์เป็นหัวหอกสำคัญ ซึ่งได้อานิสงส์เต็ม ๆ จากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงและยอดสั่งซื้อที่ยังคงแข็งแกร่ง
ผลสำรวจรายเดือน ซึ่งมีความสอดคล้องกับผลสำรวจรายไตรมาสของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ +17 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากเดือนต.ค. ที่อยู่ระดับ +8
โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ความเชื่อมั่นพุ่งไปถึง +25 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 จากเดือนต.ค. ที่อยู่ระดับ +5
“ค่าเงินเยนที่อ่อนลงช่วยหนุนการส่งออกได้มาก” ผู้จัดการบริษัทอิเล็กทรอนิกส์รายหนึ่งให้ความเห็น ขณะที่อีกรายเสริมว่า “ตอนนี้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่มหน่วยความจำ ก็เติบโตได้ดี”
ทั้งนี้ ในช่วงที่ทำการสำรวจ (28 ต.ค. – 7 พ.ย.) ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงกว่า 5% เมื่อเทียบกับครั้งก่อน โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 154.50 เยนต่อดอลลาร์
อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรขนส่งที่ได้ประโยชน์จากเงินเยนอ่อนค่า มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งจาก +9 มาอยู่ที่ +27
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าดัชนีโดยรวมอาจลดลงเหลือ +15 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เดือนก.พ.) เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนเริ่มกังวลเรื่องยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ที่อาจชะลอตัว
ล่าสุด ฮอนด้า (Honda) เพิ่งปรับลดเป้ายอดขายทั้งปีลง 8% เหลือ 3.34 ล้านคัน หลังเจอปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนที่ต้องใช้ชิปจากบริษัทเน็กซ์พีเรีย (Nexperia) ส่วนทางด้านนิสสัน (Nissan) ที่กำลังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ก็ลดกำลังการผลิตในประเทศลงเช่นกัน เพราะผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในแบรนด์
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนอกภาคการผลิตยังทรงตัวแข็งแกร่งที่ระดับ +27 โดยได้แรงหนุนสำคัญจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงคึกคัก และคาดว่าจะยังคงอยู่ที่ระดับนี้ต่อไปในอีก 3 เดือนข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 68)





