นายกฯ สวนกลับสื่อเขมร ระวังถูกงับ! หลังโดนแซะ “น้ำตาจระเข้” ช่วงเยี่ยมทหารบาดเจ็บ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีพบทุ่นระเบิดในบังเกอร์ของทหารไทย แต่ที่ได้เห็นกับตาเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ในระหว่างลงพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ พบว่าทุ่นระเบิดทั้ง 4 ลูกอยู่ในฝั่งไทย แต่ไม่ใช่ทหารไทยไปวางไว้แน่นอน เพราะเราไม่มี และจากการตรวจสอบทางเทคโนโลยีก็ชัดเจนว่าทุ่นระเบิดทั้ง 4 ทุ่นที่มาวางไว้ ถูกวางหลังจากที่มีการลงนามในปฏิญญากัวลาลัมเปอร์

“ตรงนี้ไม่ต้องพูดกันแล้ว ปฏิญญานี้ถือว่าไม่มีผล เพราะว่าคนที่เป็นคู่สัญญา คู่ปฏิญญาไม่ปฏิบัติตาม” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้รัฐบาลรีบโทรหาผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซีย เพื่อแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่กัมพูชาจะโทรไปนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดในทางสาธารณะ และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนไป 5 ครั้งแล้ว ไม่ต้องโทรแล้ว กด Play เมื่อไรก็เห็นข้อความของนายกรัฐมนตรีไทยต่อเรื่องนี้

ส่วนการที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ทหารกัมพูชาลอบก่อเหตุเช่นนี้ เพราะต้องการเบี่ยงเบนไม่ให้ทางการไทยจัดการปัญหาสแกมเมอร์นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะเรื่องสแกมเมอร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วหลายราย ไม่ทราบว่าทำไมถึงบอกว่าไม่จับ มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว มีการถอนสัญชาติ มีการอายัติทรัพย์ ต้องเชื่อในข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ใช่ข่าวลือหรือความกังวลของใคร เพราะเป็นการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

ส่วนเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด จะนำไปสู่การยกเลิก MOU 43 และ 44 ได้ง่ายหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า MOU 44 เป็นเรื่องของเขตแดนในทะเล ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องถาม เพราะนโยบายรัฐบาลทั้งเรื่อง MOU 43 และ 44 รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความต้องการที่จะดำเนินการต่อ

ส่วนที่สื่อกัมพูชาตีข่าวว่า การร้องไห้ปาดน้ำตาของนายกรัฐมนตรีไทย ระหว่างเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด เป็นเหมือนน้ำตาจระเข้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่ใช่น้ำตาจระเข้หรอกครับ คอยดูแล้วกัน จระเข้มันงับเข้าไป อย่าหางจุกตูดแล้วกัน”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 68)