น้ำมัน WTI ปิดร่วง $2.55 หลังโอเปกคาดน้ำมันล้นตลาดปีหน้า

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันพุธ (12 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดเล็กน้อยในปี 2569 ซึ่งสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.18% ปิดที่ 58.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.76% ปิดที่ 62.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

โอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนในวันพุธ โดยคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดเล็กน้อยในปี 2569 หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก โดยรายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกเปลี่ยนมุมมองจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวในปี 2569

รายงานของโอเปกระบุว่า กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย ได้ผลิตน้ำมันในปริมาณ 43.02 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค. ขณะเดียวกันคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจากโอเปกพลัสในปี 2569 จะอยู่ที่ 43.0 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกินเล็กน้อยที่ระดับ 20,000 บาร์เรล/วัน หากโอเปกพลัสยังคงผลิตน้ำมันในอัตราเดียวกับเดือนต.ค.

ในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ปรับเพิ่มในเดือนต.ค.และเดือนพ.ย. แต่ได้ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 ซึ่งนักลงทุนมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ออกรายงานคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันและก๊าซจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2593 ซึ่งสวนทางกับที่ IEA คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะแตะจุดสูงสุดในทศวรรษนี้ เนื่องจาก IEA ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการคาดการณ์ จากเดิมที่เคยคาดการณ์โดยอิงจากการที่ประเทศต่าง ๆ ให้คำมั่นเกี่ยวกับการลดโลกร้อน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะได้แรงหนุนจากการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เตรียมลงมติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อยุติการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยหากสภาผู้แทนราษฎรลงมติอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)