
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมนา “PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” โดยกล่าวว่า โจทย์ที่สำคัญในวันนี้คือ เรากำลังเผชิญอะไรและประเทศไทยควรปรับเปลี่ยนและไปต่ออย่างไรบ้าง เพื่อก้าวเข้าสู่โลกที่มีความซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมีการแข่งขันทั้งทางเทคโนโลยี และใช้คำว่าภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับนโยบายที่แต่ละประเทศได้กำหนดและต้องสอดคล้องกับกฎกติกาใหม่ของโลก ซึ่งตัวที่เป็นวัดสำคัญการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือที่เรียกว่า Sustainable Development Goal
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในเวลาที่เดินทางไปประชุมโจทย์ที่ตนได้ไปพบกับผู้นำหลายประเทศ ตนจะขอเวลาเพื่อไปพบและพูดคุยเพื่อสานต่อในเรื่องที่พูดคุยตกลงค้างคาไว้เพื่อเดินหน้าสองฝ่าย ซึ่งนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้ระบุว่า ประเทศไทยได้กลับมาในจอเรด้าร์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจของเรากำลังเดินไปข้างหน้า ในเรื่องการค้าการลงทุนกำลังเผชิญปัญหาด้านขีดความสามารถ รวมถึงโครงสร้างประชากรที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ซึ่งเราก็ต้องปรับเรื่องการเกษียณอายุราชการ ที่ต้องทำเป็นขั้นบันได ให้เข้ารูปเข้ารอยไม่ต้องไปกังวล โดยรัฐบาลนี้มีเวลาแค่ 4 เดือนก็ต้องรู้ว่าตรงไหนที่สามารถเปลี่ยนได้และมีมติได้ภายใน 4 เดือนก็ต้องทำ เรามีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายที่รู้เรื่องกฎหมายเป็นอย่างดี หากอยู่ 4 เดือนก็สามารถทำได้แต่หากอยู่ไม่ถึงก็ทิ้งเอาไว้ให้คนอื่นทำต่อได้โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจของไทยก็ต้องเดินหน้า ซึ่งตอนนี้มีความพร้อมแล้ว ทั้งด้านทรัพยากรพร้อม กฎระเบียบก็พร้อม และหากอยากให้พร้อมก็เลือกตนกลับมา เพราะตอนนี้ก็ปฏิรูปการศึกษาอยู่ปฏิรูปพลังงาน ให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในส่วนของพลังงาน ถึงแม้ว่าจะทำไม่ได้ทั้งหมดแต่ทุกอย่างในเวลาจำกัดเราก็ปูทางเอาไว้ดังนั้นขอให้ประชาชนตัดสินใจเอาเองว่าคนไหนที่มีความตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้และมีความกล้าหาญมากเพียงพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้
นายอนุทิน ยืนยันว่า ในปีหน้าจะคืนอำนาจให้กับประชาชน พร้อมย้ำว่าปีหน้าจะต้องมีการเลือกตั้ง เพราะสภาพการเมืองในขณะนี้ที่ดำรงมาไปต่อไม่ได้แล้ว เนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไปต่อได้อย่างไรและไม่จำเป็นต้องอภิปรายไว้วางใจ เพราะอภิปรายอย่างไรก็แพ้
“เคยบอกแล้วว่าวันที่ 31 ม.ค.69 ก็จะมีการยุบสภา แต่ถ้ารอถึงวันนั้นไม่ไหวก็ไม่มีปัญหา ถ้าจะให้ผมยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่เปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็พร้อมยุบ แต่ก็จะมีงานที่ยังค้างอยู่ ซึ่งต้องไปกล่าวโทษคนนั้นไม่ใช่มากล่าวโทษตน เพราะต่อให้มีการอภิปรายแล้วอภิปรายห่วยขนาดไหนก็แพ้หรือให้อภิปรายดีขนาดไหน หรือตอบโต้ชี้แจงขนาดไหน ก็แพ้เพราะเป็นเสียงข้างน้อย…จึงฝากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ ปีหน้าเป็นปีที่สำคัญถ้าตัดสินใจถูกประเทศไทยก็จะไปอีกก้าวกระโดด ซึ่งจะไปต่อด้วยสปีดที่เร็วและรุนแรง เพราะขณะนี้ประเทศไทยกลับมาสู่จอเรดาร์ของทั่วโลกแล้ว เพราะทุกประเทศให้ความสำคัญและให้ความสนใจ ตอนนี้ตัวเลือกมีไม่เยอะก็อยากให้พิจารณาว่าพรรคไหนมีนโยบายที่ดี ต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ ไม่ใช่พูดแต่นโยบายแต่ถึงเวลาปฏิบัติไม่ได้ ซึ่งต้องดูว่ามีความรู้พอที่จะปฏิบัติหรือไม่และมีความกล้าที่จะปฏิบัติหรือไม่ มีความเก่งพอที่จะผลักดันหรือไม่ มีบารมีพอที่จะแสวงหาความร่วมมือหรือไม่ ซึ่งคิดว่าผมก็พอมีพอสมควร” นายอนุทิน ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 68)





