
นายกรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย [KBANK] กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของ Digital Money ไม่ได้เริ่มจากเทคโนโลยี แต่เริ่มจาก “ความเชื่อมั่น” และ “การกำกับดูแลที่เหมาะสม” โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์เพื่อการชำระเงิน (Settlement Assets) ทั้งในส่วนของ Tokenized Deposit และ e-money หรือ Stablecoin ที่ถูกกำกับดูแลโดยธนาคารกลาง (Regulated Stablecoin) ล้วนต้องมีนโยบายและเกณฑ์การกำกับที่ชัดเจน (Prudential Measures) เพื่อบรรเทาความเสี่ยงเชิงระบบทั้งนี้การมี Settlement Asset บนบล็อกเชนจะช่วยให้เกิดนวัตกรรมในการชำระเงินข้ามพรมแดนที่ต้องการความเร็วสูงได้ด้วยต้นทุนต่ำ อีกทั้งยังสามารถมีการกำหนดเงื่อนไขอัตโนมัติผ่าน Smart Contract เพื่อต่อยอด Usecase ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจได้อีกด้วย
Orbix Technology ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ได้พัฒนาบล็อกเชน Quarix ซึ่งรองรับทั้งธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ และการแลกเปลี่ยน Q-money ซึ่งเป็น Settlement Assets ในลักษณะของ e-money on blockchain ที่ให้บริการโดยธนาคาร พร้อมรองรับการทำ Atomic Settlement แบบเรียลไทม์อีกด้วย โดยที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างสำคัญ คือ การร่วมมือกับบริษัท StraitsX ภายใต้โครงการ BLOOM ของธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore) เพื่อช่วยให้การชำระเงินด้วย QR Payment ของนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางท่องเที่ยวในไทยและสิงคโปร์เป็นไปอย่างสะดวกปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น
อนาคตของ Digital Money ไม่ใช่การแข่งขันระหว่างธนาคารและฟินเทค แต่คือการร่วมกันสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ปลอดภัย โปร่งใส และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน พร้อมย้ำว่าธนาคารกสิกรไทยจะเดินหน้าทำงานร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาคและทั่วโลก เพื่อผลักดัน ASEAN ให้ก้าวสู่ระบบการเงินดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 68)





