
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (21 พ.ย.) และปิดลบในรอบสัปดาห์นี้ หลังนักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินไปอีกครั้ง ขณะที่หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศปรับตัวลง หลังมีสัญญาณความคืบหน้าในการยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 562.10 จุด ลดลง 1.84 จุด หรือ -0.33%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,982.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,091.87 จุด ลดลง 186.98 จุด หรือ -0.80% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,539.71 จุด เพิ่มขึ้น 12.06 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี STOXX 600 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. และลดลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.
หุ้นเทคโนโลยียุโรปร่วงลง 2.3% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย. โดยหุ้น ASML, ASM International และ BE Semiconductor ร่วงลงระหว่าง 4.6% ถึง 6.3%
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดยุโรปปรับตัวลงตลอดทั้งวัน โดยเป็นผลจากหุ้นเทคโนโลยีที่ถูกกดดัน เนื่องจากความกังวลเรื่องมูลค่าที่สูงเกินไปในสหรัฐฯ ขณะที่การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนอย่างมาก
หุ้นที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Schneider Electric และ Siemens Energy ร่วงลง 2.7% และ 10.1% ตามลำดับ
นักลงทุนจับตาแผนการใหม่ที่สหรัฐฯ ร่างขึ้นเพื่อยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน ซึ่งอาจรวมถึงการลดขนาดกองทัพยูเครนและการสละดินแดนสำคัญ ขณะที่โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนระบุว่า เขาจะไม่ทรยศต่อผลประโยชน์ของประเทศ
ดัชนีหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศของยุโรปปรับตัวลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. และในวันศุกร์ร่วงลง 3.4% แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนส.ค. โดยหุ้น Renk ร่วงลง 8.4% และหุ้น Rheinmetall ร่วง 7.2%
ดัชนีความวิตกของนักลงทุนปรับตัวขึ้น 2.7 จุด สู่ 24.56 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และอุตสาหกรรมลดลง 1.3% โดยหุ้น Thyssenkrupp ร่วง 9.2%
แต่หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งนักลงทุนมักเข้าซื้อในช่วงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและตลาด ปรับตัวขึ้น 2.1% และหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้น 0.8%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า บรรดานักลงทุนกำลังโยกเงินจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไปหุ้นกลุ่มปลอดภัย เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และเงินเฟ้อยังคงกดดันตลาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 68)





