
ฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล ถูกตำรวจควบคุมตัวเข้าเรือนจำเมื่อเช้าวันเสาร์ (22 พ.ย.) ตามคำสั่งศาลสูงสุด ยุติการกักบริเวณที่บ้านพัก โดยในการไต่สวนเมื่อวันอาทิตย์ (23 พ.ย.) เจ้าตัวอ้างว่าสาเหตุที่พยายามทำลายกำไลติดตามตัว (EM) ไม่ใช่เพราะจะหนี แต่เป็นเพราะอาการประสาทหลอนจากยาที่ใช้รักษาอาการสะอึกเรื้อรัง
บันทึกของศาลระบุคำให้การของโบลโซนารู วัย 70 ปี ว่า เขาเกิดอาการหวาดระแวงและเห็นภาพหลอน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยากันชัก (Anticonvulsant) หลายขนานตามแพทย์สั่งเพื่อรักษาอาการสะอึกเรื้อรัง ทำให้เขาจินตนาการไปเองว่ามีเครื่องดักฟังซ่อนอยู่ในกำไล EM จึงตัดสินใจใช้หัวแร้งบัดกรีพยายามเจาะทำลายอุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อช่วงเที่ยงคืนวันศุกร์ (21 พ.ย.) ขณะที่คนอื่น ๆ ในบ้านหลับหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม พยานระบุว่าหลังจากลงมือไปสักพัก โบลโซนารูก็ได้สติกลับคืนมา จึงหยุดใช้หัวแร้งและแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าระวังอยู่หน้าบ้านด้วยตนเอง
อเล็กซานเดร เดอ โมราเอส ผู้พิพากษาศาลสูงสุด มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวสุ่มเสี่ยงต่อการหลบหนี จึงสั่งเพิกถอนสิทธิ์การกักบริเวณที่บ้านที่ดำเนินมานานกว่า 100 วัน และสั่งให้ควบคุมตัวเขาไว้ในเรือนจำระหว่างรอการอุทธรณ์โทษจำคุก 27 ปี 3 เดือน จากคดีวางแผนรัฐประหารล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2565
ปัจจุบัน โบลโซนารูถูกคุมขังในห้องขนาด 12 ตารางเมตร ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในกรุงบราซิเลีย ภายในมีเตียงนอน ทีวี เครื่องปรับอากาศ และห้องน้ำส่วนตัว โดยทีมทนายความกำลังเร่งยื่นเรื่องขอให้ศาลพิจารณาเปลี่ยนกลับเป็นการ “กักบริเวณที่บ้านเพื่อมนุษยธรรม” อีกครั้ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องปัญหาสุขภาพที่เปราะบางและความชรา
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยวิจารณ์การดำเนินคดีโบลโซนารูว่าเป็น “การล่าแม่มด” และตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าบราซิล 40% นั้น ได้เริ่มผ่อนปรนท่าทีดังกล่าวลงตั้งแต่วันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) โดยประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น เนื้อวัว กาแฟ โกโก้ และผลไม้
เมื่อทราบข่าวการจับกุม ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “จริงหรือ แย่จัง” โดยระบุว่าเขาไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน และเผยว่าจะมีการหารือกับประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิลคนปัจจุบันในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าการปฏิบัติต่อโบลโซนารูอาจเข้าข่ายการโจมตีหลักนิติธรรม
ส่วนบรรยากาศในบราซิล กลุ่มผู้สนับสนุนโบลโซนารูได้รวมตัวประท้วงหน้าสถานีตำรวจ โดยมองว่านี่คือการกลั่นแกล้งทางการเมือง ทางด้านปธน.ลูลา ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุม G20 ที่นครโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ให้สัมภาษณ์ปกป้องคำตัดสินของศาลว่า “เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและได้รับสิทธิ์สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่เขาก็ต้องรับโทษตามที่ศาลตัดสิน ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำอะไรลงไป”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 68)





