
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย [AOT] เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67-ก.ย.68) มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 18,125.20 ล้านบาท ลดลง 1,057.19 ล้านบาท หรือ 5.51% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายหรือการให้บริการลดลง 441.92 ล้านบาท หรือ 0.66% จากการลดลงของรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 2,488.75 ล้านบาท หรือ 6.89% ขณะที่รายได้จากกิจการการบินรวม 33,047.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,046.83 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.6% ขณะที่รายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 68,586.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.12%
สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในสังกัด AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีจำนวนเที่ยวบินรวม 788,095 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.56% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 444,944 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 343,151เที่ยวบิน
ขณะที่มีผู้โดยสารใช้บริการรวมทั้งสิ้น 125,989,505 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 76,636,387 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 49,353,118 ล้านคน ซึ่งการเติบโตของผู้โดยสารสอดคล้องกับการดำเนินงานของ AOT ในการเร่งพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานในความรับผิดชอบทั้ง 6 แห่งในทุกมิติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและยกระดับขีดความสามารถในการรองรับจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ ทสภ.ซึ่งปัจจุบันรองรับผู้โดยสารกว่า 62 ล้านคน
ทั้งนี้ ทสภ.ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการจัดอันดับสำคัญล่าสุด ได้แก่ อันดับที่ 7 สนามบินที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทางอากาศ และอันดับ 9 สนามบินที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศสูงสุดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง (ACI APAC&MID) รวมทั้งอันดับที่ 12 ของโลก ในกลุ่ม Global Airport Megahubs 2025 จาก Official Airline Guide (OAG)
นอกจากนี้ ยังติดอันดับท็อป 10 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกจาก Conde Nast Traveler รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานท่าอากาศยานระดับ 4 ดาว จาก Skytrax อีกด้วย การจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนถึงคุณภาพการบริการและความสามารถในการบริหารจัดการของท่าอากาศยานเพื่อรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก
และเพื่อรักษามาตรฐานระดับโลกนี้ไว้ AOT ได้ยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่ภายใน ทสภ.เพื่อให้กระบวนการเข้า-ออกผู้โดยสารมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มจุดลงทะเบียนใบหน้าผ่านระบบ Biometric สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการยืนยันตัวตน ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการแสดงเอกสาร รวมทั้งการขยายจุดติดตั้ง Auto Channel บริเวณจุดตรวจคนเข้าเมืองทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อให้กระบวนการตรวจผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
นางสาวปวีณา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานของ AOT ในปีงบประมาณ 68 ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการพัฒนาและยกระดับท่าอากาศยานของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ทั้งในด้านศักยภาพการให้บริการและการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง AOT จะเดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบในทุกมิติ ทั้งด้านบริการ เทคโนโลยี ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด ‘World Class Hospitality’ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดแก่ผู้โดยสาร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 68)





