เงินบาทเปิด 32.33/35 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค จับตาตัวเลขส่งออกวันนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.33/35 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.49 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแข็งค่ายกเว้นเงินเยน

เงินบาทแข็งค่าหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 2 คนส่งสัญญาณสนับสนุนการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดีขึ้น เงินบาทยังแข็งค่าจากปัจจัยที่ราคาทองคำในช่วงนี้เป็นขาขึ้นด้วย

สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องรอดูวันนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานดุลการค้าของไทย ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ต้องติดตาม คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.25-32.55 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 156.65/70 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 156.74 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1524/1528 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1530 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.499 บาท/ดอลลาร์
  • อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการลงทุนของชาวต่างชาติในไทยประจำเดือน ต.ค.2568 ว่าการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (เฉพาะธุรกิจที่กำหนดให้ต้องขออนุญาต) ในเดือนต.ค.2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย 99 ราย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 23,621 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากสิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น ตามลำดับ
  • สศช.ชี้ไทยต้องวางรากฐานรายได้รัฐ ก่อนภาระสังคมดันหนี้สาธารณะทะลุ 68% ในปี 73 เผยผลศึกษา “บทเรียนขึ้น VAT ทั่วโลก” พบหลายประเทศทยอยขึ้น มีช่วงเปลี่ยนผ่าน และเยียวยาผู้มีรายได้น้อย ถ้าไทยขึ้น 1% รายได้รัฐเพิ่ม 93,000 ล้านบาทต่อปี รองรับสวัสดิการสังคมได้ ผวา! หนี้บ้านถูกยึดพุ่ง 210%
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (24 พ.ย.) โดยปรับตัวลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (24 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความเห็นในเชิงสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งรวมถึงคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด, จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 42.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนรายสัปดาห์จาก ADP, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ราคาบ้านเดือนก.ย.จาก S&P/Case-Shiller, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือน
    ต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 68)