
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ GAFT กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตนพร้อมด้วยนางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางปิยนุช วุฒิสอน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เข้าพบหารือกับดร.มาญิด บินอับดุลเลาะฮ์ อัลกอเศาะบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นรัฐมนตรีอาวุโสผู้ทรงอิทธิพลและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงเศรษฐกิจของซาอุฯ เพื่อหารือแนวทางยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ พร้อมเร่งขยายโอกาสให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในตลาดตะวันออกกลาง
นางศุภจี กล่าวว่าซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่ตนเดินทางมาเยือนหลังรับตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของซาอุดีอาระเบียต่อไทย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกระชับความร่วมมือในฐานะพันธมิตรระหว่างภูมิภาคที่เริ่มจาก “ความเชื่อใจ (trust)”ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลก โดยวางเป้าหมายให้ซาอุดีอาระเบียเป็นประตูการค้า (Gateway) สู่ภูมิภาคตะวันออกกลางและกลุ่ม GCC
ซึ่งในการหารือวันนี้ รัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมสินค้าไทยในตลาดซาอุฯ และพร้อมสนับสนุนการนำเข้าสินค้าคุณภาพจากไทย เช่น ข้าว อาหารฮาลาล วัตถุดิบด้านอาหาร และผลไม้ รวมทั้งพร้อมหารือกับไทยถึงมาตรฐานสินค้าเพื่อให้ไทยสามารถผลิตสินค้าได้ตรงกับความต้องการของซาอุฯ และเห็นว่าไทยสามารถเป็น “แหล่งความมั่นคงทางอาหาร”ให้แก่ซาอุฯได้ นอกจากนี้ ฝ่ายซาอุฯ ให้ที่ดินติดตั้งบูธ Thai Village เป็นการถาวร เพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการของไทยในตะวันออกกลาง
“วันนี้ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดทำแผนงานความร่วมมือด้านบริการ (hospitality) ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น การท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา และบริการด้านสุขภาพ (wellness) รวมทั้งความร่วมมือด้านแรงงานมีฝีมือ อาทิ พ่อครัว พนักงานในสาขาท่องเที่ยว โดยไทยพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตลอดจนสนับสนุนแรงงานมีฝีมือเข้าไปช่วยพัฒนาซาอุดีอาระเบียให้บรรลุตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ “วิสัยทัศน์ซาอุฯ ค.ศ. 2030″ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของประเทศในปัจจุบันที่กำลังพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ลดการพึ่งพาน้ำมันและให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยว” นางศุภจีกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อปี 2567 ซาอุดีอาระเบียครองตำแหน่งคู่ค้าอันดับที่ 19 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ด้วยมูลค่าการค้ารวม7,757.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ส่งออก 2,856.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / นำเข้า 4,900.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างกันมีมูลค่า5,815.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐแบ่งเป็นการส่งออกของไทย 1,949.00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 3,866.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกดาวรุ่ง ได้แก่ (1) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (2) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (3) ผลิตภัณฑ์ยาง (4) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (5) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ (1) น้ำมันดิบ (2) ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ (3) เคมีภัณฑ์ (4) สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (5) ก๊าซธรรมชาติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ธ.ค. 68)




