
บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงจัดสรรเงินกู้มูลค่า 9 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.06 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ยูเครนสำหรับใช้ดำเนินการในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อเสริมสภาพคล่องและเพิ่มอำนาจต่อรองในเวทีเจรจาสันติภาพ
รายงานระบุว่า EU จะใช้วิธีการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรร่วม โดยมีงบประมาณของกลุ่ม EU เป็นหลักประกัน ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งสำคัญจากเดิมที่มุ่งเน้นการใช้สินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในยุโรป
มติดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (19 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ภายหลังการประชุมสุดยอด ณ กรุงบรัสเซลส์ที่ดำเนินไปอย่างยาวนาน โดยที่ประชุมตัดสินใจเลือกใช้วิธีการก่อหนี้ร่วมเพื่อให้สามารถส่งมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนได้ทันท่วงที ในขณะที่ยังคงพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำสินทรัพย์รัสเซียมาใช้ในอนาคต
ฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า “นี่เป็นทางออกที่เหมาะสมและทำได้จริง ซึ่งให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากแนวทางเดิมที่เราเคยหารือกันมานาน แต่มีความซับซ้อนน้อยกว่ามาก”
ทั้งนี้ ผู้นำ EU เผชิญความกดดันอย่างหนักในการเร่งอนุมัติเงินกู้ดังกล่าว เนื่องจากสหรัฐฯ ได้เริ่มลดการสนับสนุนทางการเงิน ขณะที่คาดการณ์ว่าเงินทุนของยูเครนจะหมดลงภายในเดือนเม.ย. ปีหน้า นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกดดันให้ยูเครนยอมอ่อนข้อในการเจรจาสันติภาพ ซึ่งสร้างความกังวลต่อความมั่นคงในยุโรป
สำหรับเงื่อนไขในข้อตกลงระบุว่า ยูเครนจะมีภาระชำระคืนเงินกู้ก็ต่อเมื่อได้รับค่าปฏิกรรมสงครามจากรัสเซียเท่านั้น โดยในระหว่างนี้ สินทรัพย์ของรัสเซียจะยังคงถูกอายัดไว้ในยุโรป และ EU สงวนสิทธิ์ในการนำเงินดังกล่าวมาใช้ชำระคืนเงินกู้ในภายหลัง
ทางด้านเบลเยียม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการฝากสินทรัพย์ของรัสเซีย ได้แสดงท่าทีคัดค้านการใช้สินทรัพย์ดังกล่าวมาค้ำประกันเงินกู้มาโดยตลอด เนื่องจากกังวลเรื่องความเสี่ยงทางกฎหมายและการโต้กลับจากมอสโก หลังจากที่ธนาคารกลางรัสเซียได้ยื่นฟ้องร้องต่อบริษัท ยูโรเคลียร์ (Euroclear) เพื่อเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 18.2 ล้านล้านรูเบิล (ประมาณ 2.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงขั้นสุดท้ายได้ระบุข้อยกเว้นว่า การใช้งบประมาณ EU ค้ำประกันเงินกู้ครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาระผูกพันทางการเงินของสาธารณรัฐเช็ก ฮังการี และสโลวาเกีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีท่าทีคัดค้านการให้เงินสนับสนุนยูเครน
ดอนัลต์ ตุสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในครั้งนี้ว่า “ตอนนี้เรามีทางเลือกง่าย ๆ คือจะจ่ายเงินในวันนี้ หรือจะยอมให้มีการนองเลือดในวันหน้า และผมไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ในยูเครนเท่านั้น ผมหมายถึงยุโรปทั้งทวีป”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 68)





