เจาะมุมมองการใช้งาน GenAI ผู้ช่วยอัจฉริยะในงานคอนเทนต์

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ หรือ GenAI ได้กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อหาไปอย่างสิ้นเชิง ความสามารถในการเนรมิตข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ ได้ในชั่วพริบตา ทำให้เกิดการตั้งคำถามในวงกว้างว่ามนุษย์จะยังคงมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ในกระบวนการสร้างสรรค์นี้ ล่าสุด OPEN-TEC ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Tech Knowledge Sharing Platform) ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP ได้ออกมาให้มุมมองที่ลึกซึ้งผ่านการสำรวจศักยภาพและข้อจำกัดของเทคโนโลยีนี้ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
สำหรับการทำงานในปัจจุบัน GenAI ได้กลายเป็นเครื่องมือสนับสนุนที่สำคัญในกระบวนการผลิตคอนเทนต์ดิจิทัล โดยเฉพาะในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลและการเตรียมเนื้อหา เช่น การประมวลผลและสรุปข้อมูลจำนวนมาก การจัดโครงสร้างเนื้อหาให้เป็นระบบ หรือการสร้างต้นแบบของบทความ ภาพ และสื่อเสียง เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของงานสร้างสรรค์ โดยความสามารถเหล่านี้เกิดจากการที่ GenAI ถูกฝึกด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้สามารถคาดการณ์รูปแบบภาษา เลือกแนวทางการนำเสนอ และปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทหรือกลุ่มเป้าหมายได้ในระดับหนึ่ง บทความจากนิตยสาร Forbes ระบุว่า บทบาทหลักของ GenAI ในงานคอนเทนต์นั้นเป็นเสมือนผู้ช่วยมากกว่าการแทนที่ โดยช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อน งานเชิงเทคนิค และงานที่ต้องใช้เวลามาก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของ GenAI ในการทำงานได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายองค์กรเริ่มนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
แม้ GenAI จะมีศักยภาพสูง งานวิจัยหลายฉบับชี้ให้เห็นว่า ปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ (GenAI) ยังคงมีข้อจำกัดในหลากหลายมิติ หนึ่งในนั้นคือความยากในการสร้างเนื้อหาที่ทั้งแปลกใหม่และนำไปใช้งานได้จริงในเวลาเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง (Mukherjee & Chang, 2023) นอกจากนี้ GenAI ยังมีข้อจำกัดด้านความเป็นกลางและประเด็นจริยธรรม เนื่องจากเนื้อหาที่สร้างขึ้นมักสะท้อนอคติจากข้อมูลที่ใช้ฝึกฝนระบบ (Karagoz, 2024) และเมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์ GenAI มีช่องว่างด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในงานด้านภาพและศิลปะที่ต้องอาศัยการรับรู้เชิงลึกและบริบททางวัฒนธรรม (Rondini et al., 2025) รวมถึงเมื่อผู้ชมรับรู้ว่าเนื้อหาถูกสร้างโดย GenAI การประเมินคุณค่าและความรู้สึกต่อผลงานอาจลดลง ซึ่งสะท้อนข้อจำกัดในเชิงการยอมรับของผู้บริโภคต่อคอนเทนต์ที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (Raj et al., 2023)
เมื่อพิจารณาจากทั้งศักยภาพและข้อจำกัด คำถามที่ว่า “GenAI จะมาแทนที่มนุษย์หรือไม่” อาจไม่ใช่ประเด็นหลักอีกต่อไป หากแต่ควรเปลี่ยนเป็นคำถามว่า “มนุษย์จะสามารถทำงานร่วมกับ GenAI ได้อย่างไรอย่างมีประสิทธิภาพ” มากกว่า ซึ่งในทางปฏิบัติ GenAI ไม่ได้เข้ามาแทนที่มนุษย์ในกระบวนการสร้างคอนเทนต์ทั้งหมด แต่กำลังปรับเปลี่ยนบทบาทของมนุษย์จากผู้ที่ต้องลงมือจัดการทุกรายละเอียด ไปสู่การทำหน้าที่กำหนดทิศทางงาน ออกแบบเชิงสร้างสรรค์ ตรวจสอบคุณภาพ และเติมคุณค่าด้านความหมาย บริบท และมุมมองเชิงลึก ซึ่งยังคงเป็นจุดแข็งที่ GenAIไม่สามารถทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ผู้สร้างคอนเทนต์ที่สามารถผสานทักษะความรู้และความเข้าใจเชิงลึกเข้ากับความสามารถของ GenAI ในการประมวลผลข้อมูลและสนับสนุนงานเชิงเทคนิคได้นั้น จะมีศักยภาพในการสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และคุณค่าทางเนื้อหา เมื่อเทียบกับการพึ่งพามนุษย์หรือ GenAI เพียงฝ่ายเดียว
สุดท้ายนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้จึงไม่ใช่เรื่องของการนำเครื่องมือใหม่มาใช้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และรูปแบบการทำงานในยุคดิจิทัล การเรียนรู้ที่จะใช้งาน GenAI อย่างมีความรับผิดชอบ เข้าใจทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คนทำงานคอนเทนต์สามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ในทุกผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้น พร้อมๆ กับการใช้เทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)