รัฐบาลเอาจริง!! ยกระดับปราบอาชญากรรมข้ามชาติ พุ่งเป้ากัมพูชา จำกัดเวลาเปิด-ปิดด่าน/จ่อห้ามส่งออกน้ำมัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า จากข้อมูลของสหประชาชาติ (UN) ที่ได้มีข้อมูลว่า กัมพูชา ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลก ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ประเทศไทย โดยหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยงานพร้อมด้วยกระทรวงเศรษฐกิจ ได้กำหนดมาตรการ ดังนี้

  • ด้านความมั่นคง จะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเข้า-ออก จุดผ่านแดน ทั้งการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน 7 จังหวัด ห้ามรถยนต์ และบุคคล เข้า-ออก ยกเว้นในกรณีมีเหตุจำเป็นชัดเจน เช่น นักเรียน นักศึกษา และคนป่วย การจับจ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต นอกจากนี้ ห้ามให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าไปเล่นการพนันในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการเข้มงวดการเดินทางโดยเครื่องบินไปยังเสียมราฐ เพื่อไปเล่นการพนัน
  • ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยศูนย์ AOC จะดำเนินการตรวจสอบบัญชีม้า และเส้นทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างเข้มงวด รวมถึงการระงับการบริการอินเทอร์เน็ต และประตูอินเทอร์เน็ตใต้น้ำ ที่ไปยังหน่วยงานทางการทหาร และความมั่นคงของรัฐบาลกัมพูชาทั้งหมด

นอกจากนี้ จะต้องร่วมมือกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการสร้างมาตรการคว่ำบาตรผู้ที่เป็นอาชญากรข้ามชาติ ที่พบว่ามีการฟอกเงิน รวมถึงการยึด หรืออายัดทรัพย์สินที่โยกย้ายไปต่างประเทศด้วย

  • ด้านการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้าผ่านชายแดน ต้องระงับการส่งออกสินค้าที่เกื้อหนุนต่อกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิจารณาถึงความเหมาะสมในการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ที่จะนำเอาไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
  • ด้านการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยขอความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการรับซื้อสินค้า
  • ด้านการประสานความร่วมมือกับนานาชาติ กระทรวงต่างประเทศ จะประสานกับประเทศต่าง ๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการร่วมในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ทุกภาคส่วนตั้ง KPI ในการดำเนินมาตรการอย่างชัดเจน โดยภายใน 3 เดือน สถิติการแจ้งความของคนไทย ความเสียหาย การยึดทรัพย์ และการดำเนินคดีเครือข่าย จะต้องเห็นผลลดลงอย่างเป็นรูปธรรม

ด้านพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า มีการตั้งศูนย์วอร์รูมในการประเมินสถานการณ์ในทุกวัน โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำงาน ขณะเดียวกันก็มีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั่วโลกมาร่วมทำงานวอร์รูมนี้ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา เพราะถือเป็นแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และมีการเคลื่อนย้ายจากเมียวดี ประเทศเมียนมามาที่กัมพูชา

นอกจากนี้จะมีการขยายผลสืบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับการให้ที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงินก็จะมีการสืบสวนและขยายผลเพื่อขอหมายจับต่อไป

ด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ยังมีการสนับสนุนของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และ คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อช่วยกันในการปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นปัญหาของโลก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)