ดาวโจนส์ปิดลบ 106.59 จุด ตลาดปรับฐานหลังพุ่งแรงสองวัน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (25 มิ.ย.) โดยตลาดปรับฐาน หลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันทำการ อันเนื่องมาจากการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่กล่าวต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,982.43 จุด ลดลง 106.59 จุด หรือ -0.25%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,092.16 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.00% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,973.55 จุด เพิ่มขึ้น 61.02 จุด หรือ +0.31%

ดัชนีดาวโจนส์ปรับฐาน หลังจากพุ่งขึ้นขานรับข่าวการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าข้อตกลงหยุดยิงกำลังดำเนินไปด้วยดี พร้อมกับประกาศความสำเร็จของปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน อย่างไรก็ดี รายงานข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีของกองทัพสหรัฐฯ ยังไม่ได้ทำลายแกนหลักของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันพุธ โดยเขายังคงย้ำจุดยืนเช่นเดียวกับการแถลงในวันแรกว่า เฟดจะรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ พาวเวลยังกล่าวปกป้องอำนาจของเฟดในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยระบุว่าอำนาจของเฟดในการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่เงินสดที่ธนาคารต่าง ๆ ฝากไว้กับเฟดนั้น เป็นส่วนสำคัญของกลไกควบคุมอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเป็นเรื่องยากที่จะยกเลิก

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 25% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. และให้น้ำหนัก 67% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 2.46% และ 1.39% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้น 1.18% และ 0.51% ตามลำดับ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนหมุนเวียนการลงทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 4.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของอินวิเดียทะยานขึ้นแตะระดับ 3.77 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 3.8% หลังจากยอดขายของเทสลาในยุโรปดิ่งลง 27.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่ 5

หุ้นเฟดเอ็กซ์ (FedEx) ดิ่งลง 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรรายไตรมาสที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก ขณะที่หุ้นบริษัทคู่แข่งอย่างยูพีเอส (UPS) ร่วงลง 1.2%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลงสู่ระดับ 623,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. โดยดิ่งลง 13.7% เมื่อเทียบรายเดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 694,000 ยูนิต จากระดับ 722,000 ยูนิตในเดือนเม.ย.

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 68)