ปิดด่านไทย-กัมพูชาลากยาวสิ้นปี ฉุดค้าชายแดนวูบ 6 หมื่นลบ. พาณิชย์ ยันไม่สะเทือนเป้าทั้งปี

หลังจากกองทัพบก ได้มีคำสั่งยกระดับมาตรการผ่านแดนไทย-กัมพูชาอย่างเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.68 เพื่อสอดรับกับ แนวทางของรัฐบาล และศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) โดยยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนในทุก จุดผ่านแดนทุกประเภท ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์ และสระแก้ว

 เวลาทำการและการปิดด่านศุลกากรไทย-กัมพูชา

ชื่อด่านศุลกากร สถานะปัจจุบัน เวลาทำการเดิม
ด่านอรัญประเทศ ปิดด่าน 100% ทุกวัน 06:00-22:00 น.
ด่านคลองใหญ่ ปิดด่าน 100% ทุกวัน 06:00-22:00 น.
ด่านจันทบุรี ปิดด่าน 100% ทุกวัน 06:00-22:00 น.
ด่านช่องจอม ปิดด่าน 100% ทุกวัน 08:00-22:00 น.
ด่านช่องสะงำ ปิดด่าน 100% ทุกวัน 07:00-22:00 น.

* หากปิดด่านไทย-กัมพูชา ลากยาวถึงสิ้นปี ฉุดมูลค่าค้าชายแดนวูล 6 หมื่นลบ.

น.ส.อารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา การค้าชายแดน ไทย-กัมพูชา มีมูลค่ารวม 174,530 ล้านบาท ขยายตัว 7.9% แยกเป็น การส่งออก 141,846 ล้านบาท และการนำเข้า 32,684 ล้าน บาท

ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.68) มีมูลค่า 80,723 ล้านบาท ขยายตัว 11.2% โดยในจำนวนนี้ แยกเป็น การส่งออกไปกัมพูชา มีมูลค่า 63,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ส่วนการนำเข้าจากกัมพูชา มีมูลค่า 17,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% โดย ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 45,433 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มการค้าชายแดนตั้งแต่เดือนมิ.ย.68 น่าจะลดลง เนื่องจากมีการปิดด่านชายแดนระหว่างกัน ตั้งแต่วันที่ 7 มิ. ย.68 โดยงดการผ่านเข้า-ออกของประชาชน การค้าขายทุกประเภท รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และหากการปิดด่านชาย แดนไทย-กัมพูชา ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้ ก็อาจทำให้มูลค่าการส่งออกผ่านชายแดนในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ หายไป ราว 60,000 ล้านบาท

“ถ้ามูลค่าการส่งออกชายแดนไทยไปกัมพูชาในช่วงครึ่งปีหลัง หายไปกว่า 60,000 ล้านบาท ก็จะทำให้ทั้งปีนี้ การค้าชาย แดนภาพรวมของไทยกับเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และมาเลเซีย ลดลงแค่ 1% เท่านั้น หรือขยายตัวได้ 1.8-2% จากเป้าหมายที่ 3% มูลค่ากว่า 1.87 ล้านล้านบาท เพราะจะมีการค้าชายแดนกับลาว และมาเลเซีย เข้ามาช่วยเสริม” อธิบดีกรมการค้า ต่างประเทศ ระบุ

สำหรับการปิดด่านชายแดนของทั้ง 2 ประเทศตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.68 นั้น จากการสอบถามสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชายแดน พบว่า บรรยากาศการค้าขายซบเซา ผู้ประกอบการ ร้านค้าต่างๆ ของทั้ง 2 ฝั่งปิดร้านจำนวนมาก แต่กระทรวงพาณิชย์ ได้หาทางช่วย เหลืออื่น เช่น หาสถานที่ใหม่ให้ค้าขาย เช่น พื้นที่ส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน ห้างต่างๆ ฯลฯ

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน สำหรับสินค้าส่งออกของไทย คือ ผักและผลไม้ แต่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงปลายฤดู โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานหนวยงานภาครัฐและเอกชน ให้ช่วยรับซื้อและกระจายสู่ผู้บริโภคในประเทศ ขณะที่ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ได้หามาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกแล้ว เช่น หาเส้นทางขนส่งสินค้าทางอื่น หา ตลาดใหม่ทดแทน ผลักดันขายสินค้าทางออนไลน์ เป็นต้น

ส่วนด้านการนำเข้า คือ มันสำปะหลัง ที่ไทยนำเข้ามาทั้งแบบหัวมันสด และมันเส้นเพื่อแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นและส่งออก นั้น ไทยยังมีทางเลือกนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะลาว ที่นำเข้ามากถึง 60% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด

*ม.หอการค้าประเมินปิดด่านช่วงที่เหลือของปี กระทบส่งออกลดกว่า 6 หมื่นลบ.

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 5 แห่งแบบ 100% ใน 3 สถานการณ์ (Scenario) ผลกระทบที่อาจจะมีต่อ GDP ปีนี้ ไว้ 3 รูปแบบ 1. กรณีฐาน ความตึงเครียดคลี่คลายได้เร็ว สามารถแก้ไขความขัดแย้งและฟื้นฟูสถานการณ์ค้าชายแดนได้ภายใน 1 เดือน จะมีผลกระทบต่อการส่งออกที่อาจลดลง 11,659 ล้านบาท คิดเป็น -0.11% มีผลกระทบต่อ GDP -0.06% 2. ความตึงเครียดยืดเยื้อระดับปานกลาง สามารถแก้ไขความขัดแย้งและฟื้นฟูสถานการณ์ค้าชายแดนได้ภายใน 3 เดือน จะมี ผลกระทบต่อการส่งออกที่อาจลดลง 34,976 ล้านบาท คิดเป็น -0.34% มีผลกระทบต่อ GDP -0.19% 3. ปิดด่าน 100% ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2568 จะมีผลกระทบต่อการส่งออกที่อาจลดลง 69,952 ล้านบาท คิดเป็น – 0.67% มีผลกระทบต่อ GDP -0.38%

 

* ผลกระทบที่มีต่อห่วงโซ่อุปทาน กรณีไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชาได้

1. กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่าการส่งออก 32,740 ล้านบาท โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การผลิตสินค้าเกษตร, การค้า, การแปรรูปอาหาร, โรงงานน้ำตาล, ไฟฟ้าและก๊าซ

2. กลุ่มยานพาหนะและชิ้นส่วน มูลค่าการส่งออก 18,570 ล้านบาท โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ยานยนต์และการซ่อมแซม, การผลิตเหล็ก/เหล็กกล้า, การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า, การค้า, การผลิตเครื่องจักร

3. กลุ่มเคมีภัณฑ์และปุ๋ย มูลค่าการส่งออก 15,309 ล้านบาท

โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เคมีพื้นฐาน, การค้า,ไฟฟ้าและก๊าซ, โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม, ผลิตภัณฑ์เคมี อื่น ๆ * ผลกระทบที่มีต่อห่วงโซ่อุปทาน กรณีที่ไทยไม่สามารถนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาได้ 1. โลหะและเศษโลหะ มูลค่าการนำเข้า 8,189 ล้านบาท โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า, การผลิตผลิตภัณฑ์อุตสาหกรร, การผลิตโลหะแปรรูป, การผลิต โลหะที่ไม่ใช่เหล็ก, การซ่อมแซมรถยนต์ 2. มันสำปะหลัง มูลค่าการนำเข้า 7,286 ล้านบาท โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การผลิตแป้มันสำปะหลัง, การผลิตอาหาร, การผลิตอาหารสัตว์, ร้านอาหารและ โรงแรม, การเลี้ยงปศุสัตว์ 3. ผลิตภัณฑ์โลหะ มูลค่าการนำเข้า 4,919 ล้านบาท โดยสาขาที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การก่อสร้างอาคาร, การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า, ยานยนต์และการซ่อมแซม, การผลิตเครื่อง จักร และการผลิตเครื่องดื่ม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)