
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน พ.ค.68 อยู่ที่ 100.79 ขยายตัว 1.88% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 9.48% จากเดือน เม.ย.68 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากยอดจองในงานมอเตอร์โชว์, การค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) เดือน พ.ค.68 อยู่ที่ 61.14%
“ดัชนี MPI เดือน พ.ค.68 ขยายตัว 1.88% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว การส่งออกและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการผลิต แต่ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศของคู่ค้าหลักที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจหดตัว ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน” นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าว
ปัจจัยบวก ได้แก่
- ยานยนต์ ขยายตัว 12.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรถยนต์นั่งไฮบริดขนาดมากกว่า 1800 ซี.ซี. รถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งไฟฟ้าแบตเตอรี่ และรถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด เป็นหลัก ตามกระแสความนิยมและความต้องการของตลาด สำหรับรถบรรทุกปิคอัพขยายตัวจากตลาดส่งออกเป็นหลัก
- น้ำมันปาล์ม ขยายตัว 25.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เป็นหลัก ตามปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดมากขึ้นและมีคำสั่งซื้อจากอินเดีย จีน และเมียนมาเพิ่มขึ้น
- น้ำตาล ขยายตัว 21.43% จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบมากกว่าปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณฝนในพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นและราคาอ้อยในฤดูการผลิต 2566/67 มีราคาสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก
- เครื่องปรับอากาศ หดตัว 10.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการหดตัวของตลาดในประเทศ จากสภาพอากาศแปรปรวนเข้าสู่ฤดูฝนเร็วกว่าปีก่อน และมีการแข่งขันด้านราคาสูงโดยเฉพาะสินค้าต่างประเทศซึ่งมีราคาถูกกว่า
- เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หดตัว 13.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำอัดลม เครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูป และน้ำดื่มบริสุทธ์ เป็นหลัก เนื่องจากจากผู้ผลิตรายสำคัญหยุดผลิต
- กาแฟ ชา และน้ำสมุนไพร หดตัว 80.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป เป็นหลัก เนื่องจากการหยุดผลิตชั่วคราวเป็นเดือนที่ 5 ของผู้ผลิตรายสำคัญ
“ดัชนี MPI เดือน มิ.ย.ยังมองว่ายังเป็นบวกอยู่ แต่ต้องรอดูความคืบหน้าเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ ใน worst case ถ้าเราถูกเก็บภาษีในอัตรา 36% จะส่งผลให้ดัชนี MPI ปรับตัวลดลง 1.02%” นายภาสกร กล่าว
สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือน มิ.ย.68 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง
ปัจจัยในประเทศชะลอตัวต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่หดตัวจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
ด้านปัจจัยต่างประเทศ ภาพรวมยังคงต้องเฝ้าระวังภาคการผลิตของประเทศคู่ค้าทั้งญี่ปุ่นและยูโรโซนที่ชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา รวมถึงภาวะการค้าในตลาดโลก
“ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่มีความเปราะบางซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ภาครัฐและผู้ประกอบการไทยต้องร่วมกันทั้งในภาพของมาตรการและการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและสามารถแข่งขันได้ท่ามกลางความไม่แน่นอนดังกล่าว” นายภาสกร กล่าว
แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจนส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศอาจจะชะลอตัว สินค้าจากต่างประเทศทะลักเข้ามา การบริโภคภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสินค้าอุตสาหกรรมโดยรวม นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวมีการชะลอตัว เนื่องจากปัญหาต่อเนื่องจากเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของไทย รัฐบาลจีนยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวมีความคิดว่าการเที่ยวในไทยมีค่าใช้จ่ายแพงกว่าการเที่ยวประเทศที่มีลักษณะคล้ายกัน
“ถึงแม้ดัชนี MPI จนถึงปัจจุบันจะขยายตัวติดลบ 0.29% แต่ทั้งปียังมั่นใจว่าจะขยายตัวในช่วง 0.5-1%” นายภาสกร กล่าว
โดยหน่วยงานภาครัฐต้องติดตามและเฝ้าระวังความท้าทายอย่างใกล้ชิด, ทบทวนนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรม, ส่งเสริมการลงทุนที่มีนวัตกรรม, อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และมีมาตรการป้องกันสินค้าต่างประเทศทะลักเข้ามา
ขณะที่ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์และแสวงหาตลาดการค้าใหม่ ๆ, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทึนด้วยเทคโนโลยี, รักษามาตรฐานและความเชื่อมั่นของสินค้า, สร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ตลาด, เสริมสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน, ติดตามและเข้าร่วมมาตรการสนับสนุน/ช่วยเหลือของภาครัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 68)