
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องของ สว.ที่ยื่นให้วินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าข่ายให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยคงมีมาตรการในการเตรียมตัวรับผลคำวินิจฉัยอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่ได้กังวลอะไร สิ่งที่กังวล คือ ปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่า
กรณีผลการสำรวจความเห็นที่คะแนนนิยมนายกรัฐมนตรีตกลงไปเป็นอันดับ 5 นั้น นายวิสุทธิ์ เชื่อว่า เมื่อรัฐบาลทำงานได้ผลงานดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น แก้ปัญหาได้ เชื่อว่า กระแสจะกลับมาดีเอง ดังนั้นขออย่ากังวลอะไร
ส่วนกรณีผู้ชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้นเป็นธรรมดาของการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมมาตลอด เป็นหมื่นก็มีเป็นแสนก็มีก็ให้มาแสดงออกไป เราไม่สามารถไปสกัดกั้นได้ ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ที่ตนไม่เห็นด้วยกับม็อบ มีเรื่องเดียวคือ ไม่ชอบที่จะให้มีการปฏิวัติ
“จุดประสงค์ที่ผมไม่เห็นด้วยกับม็อบมีเรื่องเดียว คุณจะมาก็มาได้แต่ไม่ชอบที่จะพูดว่าให้มีการปฏิวัติ รัฐประหารพาประเทศชาติกลับไป อีก 20-30 ปียังไม่เข็ดอีกหรือหวังอะไรกับการปฏิวัติรัฐประหาร ประเทศ เป็นประชาธิปไตยไม่ดีหรือ คุณก็ยื่นแล้ว นี่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยื่น ป.ป.ช. ยื่น กกต. ยื่นหมดแล้วนี่ ก็ควรเป็นไปตามกติกาของกระบวนการยุติธรรม” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ประธานวิปรัฐบาล ไม่เชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเกิดเหตุบานปลาย การออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ส่วนที่บอกว่าจะมากดดันถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลนั้น ขออย่าปิดบ้านเมือง เพราะหากรัฐบาลทำงานไม่ได้บ้านเมืองจะเสียหาย และเมื่อยื่นศาลฯ แล้วควรจะจบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 68)