
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรียเกือบทั้งหมด
รายงานระบุว่า “คำสั่งบริหารได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรีย แต่ยังคงรักษามาตรการคว่ำบาตร (อดีตปธน.) บาชาร์ อัล-อัสซาดเอาไว้… พร้อมทั้งอนุญาตให้ผ่อนคลายข้อกำหนดด้านการส่งออกสินค้าบางชนิด และยกเว้นข้อจำกัดเกี่ยวกับความช่วยเหลือของต่างประเทศบางส่วนแก่ซีเรีย”
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการออกคำสั่งดังกล่าว คำสั่งฝ่ายบริหาร 5 ฉบับที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรียได้ถูกยกเลิกในทันที ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกข้อยกเว้นการคว่ำบาตรระยะเวลา 180 วันภายใต้กฎหมายซีซาร์ (Caesar Act)
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ดำเนินการขั้นแรกในการยกเลิกการคว่ำบาตรต่อซีเรียแล้วด้วยการออกใบอนุญาต GL25 เพื่ออนุญาตให้สามารถทำธุรกรรมกับรัฐบาลเฉพาะกาลของซีเรีย ธนาคารกลาง ตลอดจนรัฐวิสาหกิจ
อย่างไรก็ตาม แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรต่อปธน.อัสซาด ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้ค้ายาเสพติด บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมอาวุธเคมี กลุ่มไอเอส (IS) และพันธมิตร และตัวแทนของอิหร่าน จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
ภายใต้คำสั่งใหม่นี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้ “ค้นหาช่องทางในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ (UN)” รวมถึงทบทวนการขึ้นบัญชีให้ซีเรียเป็น “รัฐก่อการร้าย” เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2567, การขึ้นบัญชีให้กลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) เป็นองค์กรก่อการร้ายข้ามชาติ และการขึ้นบัญชีให้ อาห์เหม็ด อัลชารา ผู้นำระหว่างกาลของซีเรียเป็น “ผู้ก่อการร้ายระดับโลกที่ถูกหมายหัวเป็นพิเศษ”
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยืนยันว่า รัฐบาลทรัมป์จะติดตามความคืบหน้าในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซีเรียกับอิสราเอล และช่วยให้สหรัฐฯ ป้องกันการฟื้นตัวกลับมาของกลุ่มไอเอส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 68)