
ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ยังคงเดินหน้าปกป้องระบบตรึงค่าเงินด้วยการเข้าซื้อดอลลาร์ฮ่องกงมูลค่า 2.002 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากราคาชี้ว่าสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงอ่อนค่าจนแตะระดับล่างสุดของกรอบที่กำหนดไว้ในช่วงการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก โดยการแทรกแซงตลาดในครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าการเข้าซื้อเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งอยู่ที่ 9.42 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกงกว่าเท่าตัว
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดอลลาร์ฮ่องกงมีความผันผวนสูง โดยแกว่งตัวแตะทั้งขอบบนและขอบล่างของกรอบอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ โดยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548 ที่รัฐบาลฮ่องกงต้องเข้าแทรกแซงตลาดในทั้งสองทิศทางภายในปีเดียวกัน ทั้งการสกัดการแข็งค่าและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง
ความผันผวนดังกล่าวจุดกระแสการถกเถียงในแวดวงการเงินว่า ระบบการตรึงค่าเงินของฮ่องกงจะสามารถรักษาไว้ได้ต่อไปหรือไม่ แม้ในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่นักวิเคราะห์บางรายได้เสนอแนวคิดทางเลือก เช่น การขยายช่วงกรอบอัตราแลกเปลี่ยน การเปลี่ยนไปผูกค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงกับเงินหยวนของจีน หรือการลอยตัวค่าเงินเสรี
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ฮ่องกง จนดอลลาร์ฮ่องกงแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นขอบบนของกรอบอัตราแลกเปลี่ยน และทำให้ HKMA ต้องเร่งอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดเพื่อบรรเทาแรงกดดัน อย่างไรก็ดี มาตรการนี้กลับส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงพลิกกลับมาอ่อนค่าจนแตะระดับล่างของกรอบที่กำหนดไว้ที่ 7.85 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อดอลลาร์สหรัฐ
แม้ฮ่องกงเข้าดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาดรอบล่าสุดในสัปดาห์นี้ แต่ยอดเงินรวมในบัญชีของระบบการเงิน (Aggregate Balance) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฐานการเงินของฮ่องกง ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.442 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงเท่านั้น ซึ่งสะท้อนว่าปริมาณเงินในระบบยังคงล้นเหลือ และต้นทุนการกู้ยืมหรือระดมทุนในฮ่องกงยังคงอยู่ในระดับต่ำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 68)