ดาวโจนส์ปิดลบ 10.52 จุด กังวลจ้างงานภาคเอกชนลดลง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (2 ก.ค.) หลังมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,484.42 จุด ลดลง 10.52 จุด หรือ -0.02%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,227.42 จุด เพิ่มขึ้น 29.41 จุด หรือ +0.47% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,393.13 จุด เพิ่มขึ้น 190.24 จุด หรือ +0.94%

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 29,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.

ในช่วงแรก ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงเช่นเดียวกับดาวโจนส์ เนื่องจากการลดลงอย่างเหนือความคาดหมายของตัวเลขจ้างงานในภาคเอกชนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับข่าวการทำข้อตกลงการค้าระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนามในอัตรา 20% ซึ่งน้อยกว่าที่สหรัฐฯ เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากเวียดนามสูงถึง 46%

ขณะเดียวกัน คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าการทำข้อตกลงการค้ากับอินเดียกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ดี ประเทศอื่น ๆ อาจจะยังไม่พร้อมทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ภายในวันที่ 9 ก.ค.

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.70% และ 1.33% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.97% และ 0.87% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 2.58%, หุ้นแอปเปิล (Apple) พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) บวก 1.6%

หุ้นเทสลา (Tesla) ดีดตัวขึ้น 5% ฟื้นตัวหลังจากร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าลดลงน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2/2568

นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปรับลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายขนานใหญ่ของปธน.ทรัมป์ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียด และขณะนี้ได้ถูกส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอการอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าร่างกฎหมายฉบับนี้อาจทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 120,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 4.2% ในเดือนพ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)