ผลสำรวจ UBS ชี้ ทรัมป์สั่นคลอนความเป็นอิสระ “เฟด”-หลักนิติธรรมสหรัฐฯ

ยูบีเอส แอสเซท แมเนจเมนท์ (UBS Asset Management) เปิดเผยผลสำรวจวันนี้ระบุว่า ผู้จัดการเงินทุนสำรอง 2 ใน 3 ราย หวั่นเกรงว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งมองว่าหลักนิติธรรมในสหรัฐฯ อาจเสื่อมถอยลงจนส่งผลกระทบต่อการจัดสรรสินทรัพย์ของตน

นอกจากนี้ 35% ของธนาคารกลางเกือบ 40 แห่งที่ตอบแบบสำรวจ เชื่อว่าสหรัฐฯ อาจขอให้พันธมิตรแปลงหนี้ระยะยาวเป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น เช่น พันธบัตรชนิดไม่มีดอกเบี้ย (zero-coupon bond) ที่มีอายุยาวเป็นพิเศษ

ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยของเงินดอลลาร์และตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีความขัดแย้งกับชาติพันธมิตรในประเด็นการค้าและความมั่นคง รวมถึงการโจมตีการทำงานของเฟด

ก่อนหน้านี้ มาตรการกำแพงภาษีในวันประกาศอิสรภาพ (Liberation Day) ของปธน.ทรัมป์ในเดือนเม.ย. ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งเงินดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่เขายังได้กดดันให้เฟดลดดอกเบี้ย และที่ปรึกษาของเขาก็ได้เสนอแนวคิดนอกกรอบเพื่อควบคุมหนี้สินของสหรัฐฯ

มักซ์ คาสเตลลี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดภาครัฐทั่วโลกของยูบีเอส แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ความกังวลเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวันประกาศอิสรภาพได้เปลี่ยนมุมมองของผู้จัดการเงินทุนสำรองที่มีต่อเงินดอลลาร์ไปแล้ว

ผลสำรวจระบุว่า 29% ของผู้ตอบแบบสำรวจกำลังพิจารณาลดการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ล่าสุด

อย่างไรก็ดี เมื่อมองไปในอีก 1 ปีข้างหน้า มีธนาคารกลางเพียง 25% (สุทธิ) ที่คาดว่าจะลดการถือครองเงินดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย

“เมื่อคุณถามว่า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อสถานะของเงินดอลลาร์หรือไม่ คำตอบคือไม่” คาสเตลลีกล่าว พร้อมเสริมว่า ผู้จัดการเงินทุนสำรองต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบ 80% ยังคงคาดว่าเงินดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 58% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ จะยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกต่อไป

ส่วนทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย 52% ของธนาคารกลางระบุว่าต้องการเพิ่มการถือครองทองคำในปีหน้า นอกจากนี้ 39% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนทองคำสำรองที่เก็บไว้ในประเทศของตนเองด้วย

คาสเตลลีกล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนความกังวลของธนาคารกลางในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก ที่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการถูกคว่ำบาตร โดยเฉพาะทองคำที่ฝากไว้ในสหรัฐฯ

เมื่อมองไปในอีก 5 ปีข้างหน้า ผลสำรวจของยูบีเอสชี้ว่า ผู้จัดการเงินทุนสำรองคาดว่าเงินยูโรจะได้รับประโยชน์มากที่สุด ตามมาด้วยเงินหยวนและสินทรัพย์คริปโทฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ร่วงจากอันดับ 1 เมื่อปีที่แล้วไปอยู่อันดับ 9

แต่สำหรับปีหน้า มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 6% (สุทธิ) ที่วางแผนจะเพิ่มเงินยูโร ขณะที่เงินหยวนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 25% ตามมาด้วยดอลลาร์แคนาดา ปอนด์ และเยน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)