“สมศักดิ์”ปลื้มงานสมุนไพรผู้ร่วมงานคึกคักเกือบ 3 แสนคนเพิ่ม 20%เงินหมุนเวียน 198 ลบ.

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.งสาธารณสุข เดินทางมาเยี่ยมชมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 22 ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายปิดงานในเวลา 18.00 น.คาดว่าก่อนจะปิดงานจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 3 แสนคน ปีที่แล้วคนร่วมงาน 2.5 แสนคน ถือว่าปีนี้เพิ่มขึ้น 20 % มีการซื้อขายในงานด้วยเงินสดเกือบ 50 ล้านบาท อีกทั้งมีการจับคู่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรมากถึง 219 คู่ คาดว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 198 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วเห็นพัฒนาการและความเจริญเติบโตอย่างชัดเจน

รัฐบาลก็ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาแพทย์แผนไทยแพทย์ทางเลือกและสมุนไพร โดยงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขที่ สนับสนุนในด้านนี้ ในการให้เอกชนมาทำธุรกิจ หรือเกษตรกรปลูกสมุนไพร สนับสนุนงบประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปีงบประมาณหน้ามีถึง 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ อยากขอเชิญชวนโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใช้สมุนไพรไทยให้เป็นทางเลือกใน 5 หมวด ทดแทนยาฝรั่ง คิดว่าในปีงบประมาณหน้าจะเพิ่มเข้าไปอีกหมวด แต่ต้องทำวิจัยเพิ่มเติม พยายามเดินหน้าเพื่อลดการใช้ยาต่างประเทศให้มาก สมุนไพรไทยต้องโตไปพร้อมกับคนไทย อีกทั้ง ถ้าจะแข่งกับยาฝรั่ง อาจจะต้องเพิ่มงานวิจัยให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นใบเบิกทางให้เกิดการยอมรับ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ลงนามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2568 กฎหมายฉบับนี้เน้นให้ความสำคัญกับหมอพื้นบ้าน ซึ่งเป็นผู้มีภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลรักษาคนในชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อ ถ่ายทอดความรู้และสืบสานภูมิปัญญา ให้คงอยู่ต่อไป สะท้อนเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์แผนไทยฯ ที่ต้องการส่งเสริม ปราชญ์ชุมชน คุ้มครอง และพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้าน ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพไทยในระยะยาว

นายสมศักดิ์ ได้เดินเยี่ยมชมบูธตามโซนต่างๆ ทักทายผู้ประกอบการ รับการสาธิตการนวดไทย ก่อนจะร่วมกิจกรรมปรุงเมนูอาหารไทยถิ่นกินเป็นไม่ป่วย “ลิ้นจี่กระทงทอง” และ Scoby น้ำมะขามป้อมกับน้ำผึ้งป่า ซึ่งเป็น เมนู Goodbye NCDs นอกจากนี้ยังได้มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จำนวน 9 รางวัล

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศนียบัตรสำหรับผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตร นวดไทย ยืดเหยียดเฉพาะทาง 7 ด้าน ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับผู้ผ่านการอบรม ที่ได้ตั้งใจเรียนรู้และฝึกฝนในหลักสูตรนี้ จนประสบความสำเร็จการนวดไทยเป็น Soft Power ของประเทศ มีบทบาทสำคัญสร้างการรับรู้ในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในปัจจุบันพบปัญหาโรคที่เกิดจากการทำงาน และพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งทำงานนาน ๆ การยืนหรือเดินนาน ๆ รวมถึงการออกกำลังกายไม่เหมาะสม อาการดังกล่าวสามารถดูแลได้ด้วยการนวดไทย ยืดเหยียดเฉพาะทาง 7 ด้าน ซึ่งถือเป็นความรู้ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบอาชีพนวดไทย ที่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 68)