ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หุ้นกลุ่มชิปร่วงฉุดตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (16 ก.ค.) โดยหุ้นกลุ่มชิปได้รับแรงกดดันอย่างหนัก หลังบริษัทเอเอสเอ็มแอล (ASML) เตือนว่ารายได้จะเติบโตลดลง ขณะที่รายงานที่ข่าวว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาการปลด เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนด้วยเช่นกัน

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 541.84 จุด ลดลง 3.11 จุด หรือ -0.57%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,722.09 จุด ลดลง 44.12 จุด หรือ -0.57%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,009.38 จุด ลดลง 50.91 จุด หรือ -0.21% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,926.55 จุด ลดลง 11.77 จุด หรือ -0.13%

ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปรับตัวลงตามกัน

ตลาดปรับตัวลงแรงก่อนปิดการซื้อขาย หลังบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ทรัมป์มีแนวโน้มจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่ง แต่ทรัมป์ออกมาปฏิเสธในเวลาต่อมาว่าไม่ได้มีแผนการดังกล่าว

เอเอสเอ็มแอล (ASML.AS) บริษัทจากเนเธอร์แลนด์เป็นตัวถ่วงหลักของดัชนี STOXX โดยร่วงลง 11.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงแรงที่สุดในรอบ 9 เดือน หลังเตือนว่าอาจไม่สามารถเติบโตต่อไปได้ในปี 2569 แม้ยอดจองซื้อในไตรมาส 2 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม

หุ้นชิปตัวอื่น ๆ รวมถึง บีอี เซมิคอนดักเตอร์ (BE Semiconductor), เอเอสเอ็มไอ (ASMI) และ เอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) ปรับตัวลงระหว่าง 2.1% ถึง 5.2%

หุ้นกลุ่มยานยนต์ยุโรปลดลง 1.8% นำโดย หุ้นเรโนลต์ (Renault) ที่ร่วงลง 18.5% หลังบริษัทรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสออกคำเตือนกำไรที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน

การคาดการณ์ผลประกอบการล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่แย่ลงของภาคธุรกิจยุโรป ขณะที่คำแถลงเรื่องภาษีครั้งล่าสุดของทรัมป์ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนต่อธุรกิจ

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า มองจากฤดูกาลประกาศผลประกอบการแล้ว ยุโรปน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนจากภาษี ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อ่อนแอ และแรงกดดันต่ออัตรากำไรจากการกักตุนสินค้า

มารอส เซฟโควิช หัวหน้าฝ่ายการค้าของสหภาพยุโรปเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเจรจาเรื่องภาษี โดยคาดว่าจะพบกับรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ โฮเวิร์ด ลุตนิก และ เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ

ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจนั้น อัตราเงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภครายปีของสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ 3.6% ในเดือนมิ.ย. จาก 3.4% ในเดือนพ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 68)