หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นต่อ ลุ้นยืนเหนือ 1,200 จุด หลังตัวเลขศก.สหรัฐออกมาดี-จับตางบแบงก์

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้าโอกาสปรับขึ้นต่อจากแรงหนุนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งกว่าคาด รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐหลายตัวออกมาดี เช่นเดียวกันฝั่งไทย BBL แจ้งงบดีกว่าคาด ขณะที่วานนี้ต่างชาติ-สถาบันวอลุ่มซื้อขายรวมสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท เป็นสัญญาณว่านักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจหุ้นไทย ให้กรอบแนวรับ 1,190 จุด และแนวต้าน 1,220 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นได้

ต่อ ภาพรวมยังมีโมเมนตัมเชิงบวก โดยตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง อาทิ ยอดค้าปลีกและตัวเลขภาคแรงงาน ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ที่ออกมาดีกว่าที่คาด รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ซึ่งหลายบริษัทมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย หลังเมื่อวานนี้ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ผลประกอบการดีกว่าคาด สะท้อนว่าภาพรวมยังมี

โมเมนตัมช่วยสนับสนุนดัชนี นอกจากนี้เมื่อวานมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน ทำให้ปริมาณซื้อขายรวมสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบเดือนครึ่งนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. ที่มีการปรับดัชนี MSCI Rebalance เป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจหุ้นไทย แนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารในวันนี้และวันจันทร์ 21 ก.ค.

โดยให้กรอบแนวรับ 1,190 จุด และแนวต้าน 1,220 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (17 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,484.49 จุด เพิ่มขึ้น 229.71 จุด หรือ +0.52%, และดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,297.36 จุด เพิ่มขึ้น 33.66 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,885.65 จุด เพิ่มขึ้น 155.16 จุด หรือ +0.75%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,072.39 จุด เพิ่มขึ้น 171.20 จุด หรือ +0.43%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,519.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.65 จุด หรือ +0.08% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้น

ฮ่องกงเปิดที่ 24,757.83 จุด เพิ่มขึ้น 258.88 จุด หรือ +1.06%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ค.) 1,198.11 จุด เพิ่มขึ้น 40.48 จุด(+3.50%) มูลค่าการซื้อขาย 63,374.58 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (17 ก.ค.) ขายสุทธิ 2,500.35 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (17 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ค.) อยู่ที่ 4.50 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.44 แข็งค่าสวนทางภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 32.30-32.60 จับตาทิศทาง Flow

– “ทักษิณ” ควง “นายกฯ อิ๊งค์” ออกงานเสวนา โชว์ไอเดียพลิกเกม ศก.สู่อนาคต ชี้ดีลภาษีทรัมป์ไม่มีจบไม่พอใจดีลต่อ แนะตั้ง AMC แก้หนี้ครัวเรือน สังคายนาระบบราชการ เก็บ Fee ลดจ่ายใต้โต๊ะ ลั่นถึงเวลาปรับลดงบทหาร ปรับพฤติกรรมเก็บซากยุทโธปกรณ์ไว้เบิกค่าน้ำมัน แนะถมทะเลดึงเงินเอกชน-ตปท.ลงทุนในไทย “รมช.คลัง” เสียงแข็งไม่ลดภาษีนำเข้า 0% แลกลดภาษีทรัมป์

– อนุ กกต.ชงดำเนินคดีฮั้ว สว. 229 ราย เป็น สว. 138 คน กก.บห.ภูมิใจไทยเครือข่าย 91 ราย ส่อผิดกฎหมาย-ขัด

รัฐธรรมนูญ ม.113 หาก กกต.เห็นชอบ ส่อนำไปสู่การยื่นยุบพรรคได้

– ดัชนีเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก ยังทรุด! คาดดิ่งยาวถึงไตรมาส 3 หลังกำลังซื้อผู้บริโภคยังแผ่ว “สมาคมฯ” ชง 2 แนวทางกระตุ้น

เร่งด่วน หนุนฟื้น Easy e-Receipt/ช็อปดีมีคืน หวังปลุกกำลังซื้อ-เดินเครื่องปั๊มท่องเที่ยว

– กกพ.เคาะเสนอ 3 ทางเลือกค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.2568 ต่ำสุดที่ 3.98 บาท/หน่วย เท่ากับราคาเดิม และสูงสุด 5.10 บาท/หน่วย จ่ายคืนหนี้ กฟผ.หมดในงวดเดียว ชี้ต้นทุนหลักค่าเชื้อเพลิงคลายตัว

– “กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ” เปิด 5 บริษัทไทยและต่างชาติ แห่ยื่นขอสิทธิสัมปทานปิโตรเลียมบนบก ครั้งที่ 25 คาดได้ชื่อ

ผู้ชนะภายใน ธ.ค. 68 เพื่อนำเสนอครม. อนุมัติต่อไป เชื่อมั่นจะเกิดการลงทุนขั้นต่ำมากกว่า 2,000 ล้านบาท ชี้สัญญาณบวกกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

*หุ้นเด่นวันนี้

– OSP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 20.60 บาท มองเชิงบวกมากขึ้นหลังส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเดือนเม.ย.อยู่ที่ 45.0% (+10 bps MoM, -30 bps YoY) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันจากระดับต่ำสุดที่ 44.5% ในเดือนธ.ค.67 และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 39-40% ในปี 68 จากโครงสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น มองว่าแนวโน้มของผลประกอบการ Q2/68 ยังคงเติบโตเชิง YoY ได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนโดยต้นทุนปรับตัวลดลงและการได้ market share ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการใช้กลยุทธ์ขวด 10 บาท

– PSL (ลิเบอเรเตอร์) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 7 บาท ค่าระวางเรือทำจุดสูงสุดรอบ 9 เดือน คาดแรงหนุนจากการเร่งส่งออกก่อนภาษีทรัมป์จะเริ่มดำเนินงานในช่วง 3Q25 ผสานกับผู้ให้บริการเรือหลักมีการประกาศขึ้นราคาและลดความถี่ของเที่ยวเรือ อีกทั้งยังมีความตึงเครียดในทะเลแดง และตะวันออกกลาง จึงทำให้บางสายเรือมีระยะเวลาที่ยาวขึ้น ขณะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันเทรดเพียง PBV 0.6 เท่า

– BBL (ฟินันเซีย) ราคาเป้าหมาย 175 บาท กำไรสุทธิ Q2/68 ที่ 1.18 หมื่นลบ. -6% q-q, ทรงตัว y-y สูงกว่าเราและตลาดคาด 4-7% จากกำไรจากเงินลงทุนที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตาม NPL ratio เพิ่มขึ้นเป็น 3.89% จาก 3.59% ใน Q1/68 ซึ่ง NPL ที่สูงขึ้นส่งผลให้มีการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง BBL คาดว่า NPL ยังจะปรับเพิ่มขึ้นใน Q3/68 และจะลดลงใน Q4/68 ส่วน NPL coverage ratio ยังอยู่ในระดับสูงถึง 284% กำไรสุทธิงวด H1/68 คิดเป็น 56% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 68)