
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.11/13 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.15 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า หลังดอลลาร์และราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง โดยตลาดยังคงจับตาดูความคืบหน้าของการเจรจาต่อรองการค้าไทยกับสหรัฐฯ เป็นหลัก นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาด้วย
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) จากหลายประเทศทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ ยูโร เป็นต้น
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.00 – 32.25 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 145.91/93 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 146.53 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1775/1777 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1730 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.173 บาท/ดอลลาร์
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ เดือน มิ.ย. และ 6
เดือนแรกปี 68 - “พิชัย” ส่งข้อเสนอสุดท้าย ให้สหรัฐฯ หวังจูงใจลดจาก 36% ลุ้นก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.รับไทยโดนภาษี 2 Tier “ทีดีอาร์ไอ” ชี้ญี่ปุ่นได้ดีล 15% แนะจับตาดูญี่ปุ่นลงทุนสหรัฐ
- รัฐเร่งเคาะงบเยียวยา 4 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจและรับมือผลกระทบภาษีทรัมป์พร้อมเดินหน้าคัดกรอง โครงการ อปท.ดึงเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ไตรมาส 4 ขณะความคืบหน้าการเจรจาสหรัฐฯ คลายแรงกดดัน หลังญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ยอมเปิดตลาดแลกลดภาษีนำเข้า
- ส.อ.ท.โยนโจทย์ผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ เร่งแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ ลุยเชิงโครงสร้าง เข้มหนี้ครัวเรือนและหนี้เอสเอ็มอี พร้อมดำเนินการด้านการเงินที่ยืดหยุ่น
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (23 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (23 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า ก่อนที่จะถึงเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ (24 ก.ค.) หลังปรับลดติดต่อกันถึง 7 ครั้ง จากเดิม 4% เหลือ 2% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่เร่งตัวหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยปัจจุบันอัตรา
เงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่ระดับเป้าหมาย 2% และคาดว่าจะทรงตัว แต่ความไม่แน่นอนด้านการค้ากับสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ECB ต้องรอดูท่าที - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบน Truth Social ระบุว่า เขาจะลดอัตราภาษีศุลกากรก็ต่อเมื่อประเทศคู่ค้ายอมเปิดตลาดให้แก่สินค้าจากสหรัฐฯ
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมิ.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นและภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จาก S&P Global รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.
- นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ก.ค.นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกันคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 68)