
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันศุกร์ (25 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาแบบผสมผสาน พร้อมรอติดตามความคืบหน้าของกรอบข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าอาจบรรลุได้เร็วสุดภายในสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 549.95 จุด ลดลง 1.60 จุด หรือ -0.29%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,834.58 จุด เพิ่มขึ้น 16.30 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,217.50 จุด ลดลง 78.43 จุด หรือ -0.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,120.31 จุด ลดลง 18.06 จุด หรือ -0.20%
บรรดานักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวในการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หลังจากสัปดาห์ที่วุ่นวายด้วยการหารือทางการค้าที่สหรัฐฯ ปิดดีลกับญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ได้สำเร็จ
ดัชนี STOXX 600 ลดลงแตะระดับต่ำสุดของวัน หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า มีโอกาสน้อยที่จะบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป แต่ต่อมาดัชนีก็ฟื้นตัวขึ้นบางส่วน หลังนักการทูตยุโรปยืนยันว่าข้อตกลงเก็บภาษีสินค้าส่งออกยุโรปที่ 15% ยังคงอยู่ในแผนการ
อีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นคืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น หลังถ้อยแถลงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Puma ร่วงหนักที่สุดถึง 16% มากที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน หลังปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปีและรายงานผลรายไตรมาสต่ำกว่าคาด
หุ้น JD Sports ร่วง 0.7% ตามทิศทางของหุ้น Puma
แต่หุ้น LVMH พุ่ง 3.9% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาส พร้อมระบุว่าเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดจีน
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าหรูเพิ่มขึ้น 1.8% มากที่สุดในบรรดาหมวดธุรกิจ
หุ้น Volkswagen พุ่ง 4.6% หลังซีอีโอกล่าวว่าต้องเร่งลดต้นทุนเพื่อตอบสนองด้านภาษี แม้ก่อนหน้านี้หุ้นถูกกดดันจากการปรับลดคาดการณ์ยอดขายและอัตรากำไร ขณะที่หุ้น Traton ซึ่งเป็นธุรกิจรถบรรทุกของ Volkswagen ร่วงลง 4.1%
ส่วนหุ้น Carrefour พุ่งขึ้น 5.5% หลังผู้ค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดของยุโรปรายงานผลประกอบการครึ่งปี
ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากความหวังว่า สหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรปได้เร็วสุดภายในสุดสัปดาห์นี้ เมื่อทรัมป์มีกำหนดพบกับ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่สกอตแลนด์
ในสัปดาห์หน้า ตลาดจับตาปัจจัยสำคัญทั้งการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม “Magnificent Seven” และเส้นตายการเก็บภาษีของทรัมป์ในวันที่ 1 ส.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 68)