ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนประเมินผลกระทบข้อตกลงการค้า EU-สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันจันทร์ (28 ก.ค.) โดยลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังนักลงทุนประเมินผลกระทบของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU)

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 548.76 จุด ลดลง 1.19 จุด หรือ -0.22%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,800.88 จุด ลดลง 33.70 จุด หรือ -0.43%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,970.36 จุด ลดลง 247.14 จุด หรือ -1.02% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,081.44 จุด ลดลง 38.87 จุด หรือ -0.43%

ดัชนี STOXX 600 พุ่งขึ้นถึง 1% ในช่วงต้นวัน แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากความโล่งใจเบื้องต้นที่การเจรจาที่ยืดเยื้อมานานลงเอยด้วยข้อตกลงที่กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากอียูในระดับ 15% ซึ่งนับว่าลดลงจากอัตราที่เคยถูกขู่ไว้ที่ 30%

อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 กลับปิดลดลง เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวทำให้ความหวังต่อการค้าปลอดภาษีแบบ zero-for-zero และอัตราภาษีเฉลี่ยเดิมที่ประมาณ 2.5% ในปีที่แล้วต้องสลายไป

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า แม้อัตราภาษี 15% จะต่ำกว่าที่เคยถูกขู่ไว้ แต่ก็ยังพุ่งขึ้นจากระดับก่อนปี 2568 ที่สินค้าอียูหลายรายการเสียภาษีต่ำกว่า 3% ซึ่งอาจส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงต่อไป

หุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 1.7% ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด โดยอัตราภาษีพื้นฐานใหม่นี้ช่วยลดภาระจากระดับ 27.5% ที่เคยต้องเผชิญก่อนหน้า

หุ้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Pernod Ricard และ Anheuser-Busch InBev ร่วงลง 3.5% และ 3.6% ตามลำดับ หลังข้อตกลงการค้าไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสุราแอลกอฮอล์

Heineken ร่วงหนักที่สุด โดยร่วง 8.5% หลังผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์รายนี้ระบุว่ากำลังพิจารณาทุกทางเลือกในการรับมือกับภาระภาษีระยะยาว รวมถึงการย้ายฐานการผลิต

ข้อตกลงยังระบุว่า ประเทศสมาชิกอียูจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลข โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปิดลบ 1.3%

ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นมาแล้วราว 19% จากระดับต่ำสุดในช่วงต้นเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ใช้มาตรการภาษี และปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลเมื่อเดือนมี.ค. เพียง 2.5%

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้น 1.1% จากราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นหลังข้อตกลงการค้า

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.6% โดย ASML ผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกพุ่งขึ้น 4.9% จากความคาดหวังว่าภาคส่วนนี้อาจได้รับการยกเว้นจากภาษี ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ก็ปรับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

นักลงทุนกำลังเผชิญกับสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญซึ่งอาจสั่นสะเทือนตลาด ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น รายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Apple และ Microsoft รวมถึงกำหนดเส้นตายการเก็บภาษีในวันที่ 1 ส.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)