
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ในอัตรา 15% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่มีขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการจัดเก็บภาษีในระดับที่สูงกว่านี้ โดยข้อตกลงยังรวมถึงการลงทุนมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์จากเกาหลีใต้ในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตกลงในประเด็นอื่น ๆ เช่น มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ความมั่นคง และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
รถยนต์ ลดภาษีแลกปลอดภาษี
ภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้จาก 25% เหลือ 15% ซึ่งเท่ากับอัตราที่เรียกเก็บจากญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (EU) โดยทรัมป์กล่าวว่า เกาหลีใต้จะเปิดตลาดให้กับรถยนต์และรถบรรทุกจากสหรัฐฯ โดยไม่เก็บภาษีนำเข้า ขณะที่กระทรวงการคลังเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน เกาหลีใต้ไม่ได้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ อยู่แล้วตามข้อตกลงการค้าเสรี และเปิดเผยว่า ทั้งสองประเทศจะเดินหน้าเจรจาต่อไปเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับการนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
เหล็ก-อะลูมิเนียมโดนภาษี 50% ชิป-ยาจ่อคิวต่อไป
สหรัฐฯ ตกลงว่า บริษัทของเกาหลีใต้จะไม่เสียเปรียบประเทศอื่น ๆ เมื่อสหรัฐฯ ทำการจัดเก็บภาษีใหม่ต่อสินค้าประเภทชิปและผลิตภัณฑ์ยา อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 50%
เกาหลีใต้ลงทุน 3.5 แสนล้านดอลล์ในสหรัฐฯ กำไร 90% เป็นของสหรัฐฯ
ทรัมป์เปิดเผยว่า เกาหลีใต้จะลงทุนในสหรัฐฯ รวม 3.5 แสนล้านดอลลาร์ในโครงการที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าของและควบคุม และคัดเลือกโดยทรัมป์ ขณะที่ฝ่ายเกาหลีใต้ระบุว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์จะเป็นความร่วมมือด้านการต่อเรือ ส่วนอีก 2 แสนล้านจะเกี่ยวข้องกับชิป แบตเตอรี่ เทคโนโลยีชีวภาพ และพลังงานนิวเคลียร์
เจ้าหน้าที่เกาหลียังระบุว่า เงินทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปเงินกู้และการค้ำประกัน ขณะที่การลงทุนโดยตรงมีสัดส่วนน้อย และมีมาตรการคุ้มครอง เช่น การรับประกันการซื้อ
เมื่อถูกถามถึงรายละเอียดของเงินทุนนั้น คิม ยง-บอม ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวว่าโครงสร้างเงินทุนยังไม่ชัดเจน ขณะที่โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า ผลกำไร 90% ของการลงทุนจะตกเป็นของชาวอเมริกัน ขณะที่คิมอธิบายว่า หมายถึงการนำไปลงทุนซ้ำในสหรัฐฯ ไม่ใช่การส่งกลับประเทศ
ดีลด้านพลังงาน
ทรัมป์กล่าวว่า เกาหลีใต้จะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวและผลิตภัณฑ์พลังงานอื่น ๆ จากสหรัฐฯ มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งทางเกาหลีใต้ระบุว่า จะมีการปรับโครงสร้างการนำเข้าพลังงานจากตะวันออกกลางเล็กน้อยในช่วง 4 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการก๊าซมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในรัฐอะแลสกาที่ทรัมป์ผลักดันนั้น เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้แสดงความกังวลเรื่องความเป็นไปได้ของโครงการ
เปิดตลาดให้กับสินค้าเกษตรสหรัฐฯ แบบปลอดภาษีนำเข้า
ทรัมป์ระบุว่า เกาหลีใต้จะนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยไม่เก็บภาษี ขณะที่ฝ่ายเกาหลีใต้ระบุว่า ตลาดดังกล่าวได้เปิดเสรีแล้ว 99.7% เหลือเพียงบางรายการ เช่น ข้าว ซึ่งมีความอ่อนไหวทางการเมือง คิมระบุว่า ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องข้าวและเนื้อวัว ขณะนี้เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก มีแผนจะลดภาษีลงเป็นศูนย์ภายในปี 2570 ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี แต่ยังจำกัดอายุของวัวที่นำเข้าไม่เกิน 30 เดือน เนื่องจากกังวลเรื่องโรควัวบ้า โดยทั้งสองประเทศตกลงจะเจรจาต่อในประเด็นที่ไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหาร
ประเด็นบริการดิจิทัล – ไม่รวมในข้อตกลง
ร่างกฎหมายของเกาหลีใต้ที่เกี่ยวกับการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวจากมุมมองของสหรัฐฯ ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในข้อตกลงนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้มีหลายร่างกฎหมายเพื่อควบคุมบริษัทเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ เช่น Google, Facebook, Naver และ Kakao แต่พรรครัฐบาลได้ชะลอกระบวนการออกกฎหมายเพื่อไม่ให้กระทบต่อการเจรจากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ ข้อจำกัดอื่น ๆ ที่เคยอยู่ในรายงานของสหรัฐฯ เช่น การควบคุมข้อมูลที่อิงกับตำแหน่งที่ตั้ง ก็ไม่ถูกรวมในข้อตกลง
ประเด็นความมั่นคง – ผู้นำสองชาติเตรียมหารือกันในเวทีประชุมสุดยอด
แม้ทรัมป์วิจารณ์ว่าเกาหลีใต้ควรจ่ายมากขึ้นเพื่อสนับสนุนทหารสหรัฐฯ กว่า 28,500 นายที่ประจำการในประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ประเด็นความมั่นคงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาครั้งนี้ แต่จะหารือในเวทีการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีอี แจมยองของเกาหลีใต้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
อัตราแลกเปลี่ยน
ในการเจรจารอบแรกเมื่อปลายเดือนเม.ย. เกาหลีใต้ตกลงจะปรึกษาหารือกับสหรัฐฯ เรื่องนโยบายค่าเงินผ่านช่องทางพิเศษระหว่างเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ต่อสาธารณะ แต่กู ยุน-ชอล รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านอัตราแลกเปลี่ยน จะเข้าพบปะกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ในวันนี้ (31 ก.ค.)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)