เช็กก่อนแชร์! ข่าวปลอมไทย-กัมพูชา แนะวิธีตรวจสอบ

ท่ามกลางกระแสข่าวปลอมที่พุ่งสูงในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา การรู้เท่าทันและตรวจสอบข้อเท็จจริงคือเกราะป้องกันสำคัญ 

ข้อมูลจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม อ้างอิงจากการเปิดเผยของนางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า ช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม – 8 สิงหาคม 2568 มีการตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับปัญหาระหว่างไทย–กัมพูชาแล้ว 307 เรื่อง พบว่าเป็น ข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน 151 เรื่อง เป็นข่าวจริง 156 เรื่อง

บทความนี้นำเสนอ 2 กรณีตัวอย่างข่าวปลอมและข่าวบิดเบือนที่แพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย พร้อมขั้นตอนตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checking) เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ประกอบการพิจารณาไม่ให้หลงเชื่อและหยุดวงจรการเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข่าวบิดเบือน

กรณีศึกษา 1: ภาพเจ้าหน้าที่ชุดลายพรางถือหนังสติ๊กยักษ์

ข้อกล่าวอ้าง

เพจ Angkor Fresh (กัมพูชา) โพสต์เมื่อ 10 ส.ค. 2568 ภาพชายแต่งกายคล้ายทหารไทยถือหนังสติ๊กยักษ์ พร้อมข้อความ “Don’t know what their brains are thinking.. “ (ไม่รู้สมองของพวกเขาคิดอะไรอยู่)

ผลการตรวจสอบ:

ข้อมูลบิดเบือน (Misleading): ภาพจริง แต่ถูกใส่บริบทใหม่ที่ทำให้เข้าใจผิด

หลักฐาน

  • เพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติทับลาน แต่งกายด้วยชุดลายพรางซึ่งเป็นเครื่องแบบปฏิบัติงานตามปกติ ไม่ใช่ทหาร
  • นำภาพจากโพสต์ดังกล่าวไปค้นหาด้วย Google Image Search พบภาพเดียวกันในข่าว “วังน้ำเขียว เปิดตัวหนังสติ๊กยักษ์ เทศกาลปลูกป่าลอยฟ้า ครั้งที่ 4” บนเว็บไซต์มติชน 18 มิ.ย. 2568 ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

เครื่องมือที่ใช้

Google Image Search ค้นหาด้วยภาพซึ่งเป็นฟีเจอร์การค้นหาภาพย้อนกลับ (Google Reverse Image Search) โดยการนำภาพไปค้นหาว่าเคยถูกใช้ที่ไหน เมื่อไร และในบริบทใดมาก่อน

วิธีใช้งาน: เข้า images.google.com คลิกไอคอนกล้อง แล้วอัปโหลดภาพ

กรณีศึกษา 2: ภาพเครื่องบิน F-16 ตก

ข้อกล่าวอ้าง

บัญชี Facebook ของกัมพูชาโพสต์วันที่ 24 ก.ค. 2568 อ้างว่า “กองทัพกัมพูชายิงเครื่องบิน F-16 ของไทยตก”

ผลการตรวจสอบ:

ข่าวปลอม (Fake News): ใช้ภาพเก่าจากต่างประเทศ อ้างเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันซึ่งไม่เกิดขึ้นจริง

หลักฐาน

  • ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่มีรายงานข่าวเหตุการณ์เครื่องบินตกในพื้นที่ชายแดนช่วงเวลาที่อ้าง
  • นำภาพจากโพสต์ดังกล่าวไปค้นหาด้วย Google Image Search และ TinEye พบภาพมาจากเหตุเครื่องบิน F-16 ของเบลเยียมตก (12 ต.ค. 2561) ตามรูป

เครื่องมือที่ใช้

Google Image Search, TinEye (เครื่องมือในการค้นหาภาพย้อนกลับเหมือนกับ Google ซึ่งฐานข้อมูลไม่ครอบคลุมเท่า Google แต่แม่นยำกว่า มีการแสดงประวัติและวันเวลาชัดเจน)

วิธีใช้งาน:  เข้า https://tineye.com/ คลิกอัปโหลดภาพ

ข่าวปลอมทำให้ชาวบ้านต้องรีบอพยพ “สร้างผลกระทบที่สุด

นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงข่าวปลอมในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่สร้างผลกระทบหนักที่สุด โดยกระทบทั้งจิตใจและวิถีชีวิตของประชาชน คือ ข่าวปลอม “การสั่งอพยพประชาชน เตรียมเปิดฉากบุกก่อนประชุม GBC” ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก เกิดความหวาดกลัว หลายคนต้องเร่งอพยพหนีออกจากพื้นที่ชายแดน

โฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ ย้ำว่า ข่าวประเภทนี้ไม่ได้เพียงสร้างความเข้าใจผิด แต่ยังเป็นการเผยแพร่เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตใจ ความมั่นคงทางสังคม และการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คน

รู้เท่าทัน แนะวิธีรับมือข่าวปลอม

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าข่าวปลอมและข่าวบิดเบือนสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม รองคณบดีด้านวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้คำแนะนำสำหรับการรับมือข่าวปลอม ดังนี้

1. อย่าเชื่อทันที

ตั้งคำถามกับข้อมูลและสงสัยไว้ก่อน

2. สังเกตสัญญาณเตือน

ข้อความชวนตื่นตระหนก, ดีเกินจริง หรือร้ายเกินจริง

3. ใจเย็นก่อนแชร์หรือส่งต่อข้อมูล

อย่าใจเร็ว โดยเฉพาะการรับข้อมูลในภาวะวิกฤตต้องใจเย็นให้มาก

4. ตรวจสอบช่วงเวลาและแหล่งที่มาของข่าว

ควรดูแหล่งเผยแพร่และ timestamp ของข่าว บางครั้งอาจเป็นข้อมูลจริงแต่ผ่านมาแล้ว และถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ใหม่จนทำให้เข้าใจผิด

5. ตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง

หาข้อมูลจากแหล่งที่หลากหลาย และควรเช็คจากช่องทางราชการหรือหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์/เพจของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เว็บไซต์หน่วยงานราชการ เป็นต้น

6. ใช้เครื่องมือเทคโนโลยี

เช่น Google Image Search เพื่อตรวจสอบรูปภาพว่าเคยถูกใช้เมื่อใด หรือเครื่องมือตรวจจับ AI/Deepfake สำหรับเนื้อหาที่สงสัย 

7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากสงสัยเรื่องใด ควรหาผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ มาช่วยอธิบาย 

8. หลีกเลี่ยงการมีอารมณ์ร่วมจนตัดสินใจแชร์ข้อมูล

หากยังไม่มีเวลาตรวจสอบ “อย่าแชร์” หรือมีอารมณ์ร่วมกับข้อมูลนั้น การที่ข้อมูลปลอมแพร่กระจายเร็ว มักเกิดจากการที่คนเชื่อทันทีและอยากแบ่งปัน 

รู้จักข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน

  • ข่าวปลอม (Fake News): ข้อมูลที่สร้างขึ้นมาทั้งหมด โดยไม่มีข้อเท็จจริงอยู่เลย เช่น ภาพปลอม หรือ คลิปวิดีโอที่สร้างด้วย AI หรือ Deepfake
  • ข้อมูลบิดเบือน (Misleading Information): ข้อมูลที่มีบางส่วนเป็นจริง แต่ถูกนำเสนอในบางมุม หรือเลือกนำบางส่วนมาใช้ หรือแต่งเติมเพิ่มบางส่วน เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง และเล่นกับความคิด ความรู้สึก และอคติของผู้รับสาร ทำให้แยกแยะได้ยากเพราะมีบางส่วนที่เป็นจริงและอาจมีแหล่งข้อมูลอ้างอิงแต่ข้อมูลมาไม่ครบถ้วน 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นข่าวปลอมหรือบิดเบือน ผู้สร้างเนื้อหาและนำไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ล้วนมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ