หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าอาจเจอขายทำกำไรหลัง PPI สหรัฐสูงกว่าคาดลดทอนความหวังเฟดหั่นดอกเบี้ย

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าอาจเจอแรงขายทำกำไร หลังรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.สหรัฐฯ ออกมา +3.3% จากปีก่อน มากกว่าตลาดคาด สะท้อนว่าเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตยังลงยาก ลดทอนความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องตั้งแต่เดือนก.ย. และทำให้บอนด์ยีลด์เริ่มฟื้นขึ้น รวมถึงบ้านเรายังขาดปัจจัยหนุนใหม่ โดย Forward PE ตลาดขึ้นมาแตะระดับ 14 เท่าแล้ว

วันนี้แนะนำติดตามบริษัทจดทะเบียนที่เหลือทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ซึ่งในช่วงหลัง ๆ เริ่มเห็นงบไม่ค่อยดี พร้อมจับตากระแสเงินทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน

สัปดาห์หน้าติดตามการรายงานตัวเลข GDP ไทยคาดโต 3.1% หากต่ำกว่านั้นก็อาจะเป็นปัจจัยเชิงลบต่อตลาดเพิ่มเติม

โดยให้กรอบแนวรับ 1,260 จุด และแนวต้าน 1,277 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,911.26 จุด ลดลง 11.01 จุด หรือ -0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,468.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด หรือ +0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,710.67 จุด ลดลง 2.47 จุด หรือ -0.01%
  • ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดปรับตัวผสมผสาน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 42,866.38 จุด เพิ่มขึ้น 217.12 จุด หรือ +0.51%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,322.10 จุด ลดลง 197.22 จุด หรือ -0.77% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,659.81 จุด ลดลง 6.63 จุด หรือ -0.18%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ส.ค.) 1,266.67 จุด ลดลง 10.76 จุด (-0.84%) มูลค่าซื้อขาย 56,938.83 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (14 ส.ค.) 563.87 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (14 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 63.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ส.ค.) อยู่ที่ 4.39 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.46 อ่อนค่าต่อเนื่อง รับดอลลาร์แข็งค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาด
  • แบงก์พาณิชย์และแบงก์รัฐขานรับ ธปท. ตบเท้าพาเหรดลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% หวังช่วยลูกค้าลดภาระการส่งหนี้ หวั่นทนแรงกดดันเศรษฐกิจซบไม่ไหว ขณะที่ยังไม่มีรายใดประกาศลดดอกเบี้ยเงินฝาก
  • สมาคมโฆษณาดิจิทัลปรับประมาณการงบโฆษณาดิจิทัลปี 2568 โตเพียง 5% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หากไม่นับโควิด-19 เหตุเศรษฐกิจชะลอ แนวโน้มจีดีพีโตต่ำ 1% การเมืองไม่มั่นคง ความเชื่อมั่นตกต่ำสุดรอบหลายปี หมวดยานยนต์ใช้งบลดลงมากสุด 17% รั้งอันดับ 3 ขณะที่ “สกินแคร์” เปย์มากสุด ด้านแพลตฟอร์ม “ติ๊กต็อก” โกย 6,776 ล้าน เพิ่มกว่าเท่าตัว ขึ้นอันดับ 2 แซง “ยูทูบ”
  • บีโอไอพบนักลงทุนญี่ปุ่น ย้ำความเชื่อมั่นประเทศไทย ญี่ปุ่นยันเดินหน้าดำเนินธุรกิจในไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีสหรัฐ เน้น 5 สาขาหลัก ยานยนต์ อิเล็กฯ เครื่องจักร อาหาร และโลหะ

 

*หุ้นเด่นวันนี้
  • SJWD (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14 บาท กำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ 285 ลบ. -21% q-q, +61% y-y ดีกว่าคาด 19% จากส่วนแบ่งกำไรของ บ.ร่วมดีกว่าคาด ส่วนธุรกิจโดยรวมเป็นไปตามคาด การชะลอ q-q เป็นเรื่องปัจจัยฤดูกาล กำไร H1/68 คิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่โมเมนตัมกำไร H2/68 คาดว่าจะดีขึ้นโดยเฉพาะไตรมาส 4/68 ที่เป็น High Season โดยประมาณการเรามี Upside และมีแนวโน้มปรับขึ้น
  • SAWAD (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.00 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1,270 ล้านบาท (+15.4%q-q, +0.4%y-y) ดีกว่าตลาดคาด 13% รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิขยายตัว +2.9%q-q โดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถกลับมาโตครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ด้าน NIM ขึ้นสู่ 14.7% จาก 14% ในไตรมาส 1/68 ด้านคุณภาพสินทรัพย์พบ NPL Ratio ขึ้นเพียงเล็กน้อยสู่ 3.7% จาก 3.6% แนวโน้มไตรมาส 3/68 คาดยังขยายตัวต่อ จากสินเชื่อเร่งขึ้น NIM เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนรถยึดน้อยลง
  • AP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 9.40 บาท มุมมองเชิงบวกหลังรายงานกำไรไตรมาส 2/68 ที่ 1.0 พันลบ.ลดลง 21% YoY แต่เพิ่มขึ้น 17% QoQ สอดคล้องกับเราและตลาดคาดที่ 986 ลบ.แสดงสัญญาณฟื้นตัวจากไตรมาส 1/68 เป็นจุดต่ำสุดของปี คาดรายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง HoH โดยเฉพาะโครงการไลฟ์ อุดมสุข สเตชั่น (4.6 พันลบ. จำนวน 1,004 ยูนิต) จะหนุนการเติบโต Q3/68 ยอดขายคาดที่ 30-40% ขณะที่กนง.ลดดอกเบี้ยจะหนุน cost of fund ลดลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 68)