BAM เล็งเข้าร่วมประมูลซื้อหนี้ H2/68 ราว 3 หมื่นลบ.-มีแผนระบายสต็อกคอนโดรับตลาดบ้านมือ 2 ฟื้น

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ [BAM] กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เชิงรุกทั้งด้าน NPL/NPA ด้วยแนวทาง Stronger Together โดยการเปลี่ยน Model “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” มาสู่ Model ธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “Opportunities for All” ที่ให้โอกาสลูกหนี้ NPL พลิกฟื้นกลับมาเป็นลูกหนี้ Reperforming Loan (RPL) ด้วยกลยุทธ์ TDR Factory และโครงการ FA Center ซึ่งด้าน NPA ยังเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่เป็น Developers ทั้งขนาด S M L ในรูปแบบ Model ที่ Developers จะเข้ามา flipping และขายให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง

โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่ากลุ่มสถาบันการเงินจะนำทรัพย์ออกมาประมูล มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท โดย BAM จะเข้าร่วมประมูล 3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะประมูลได้ราว 3 พันล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อสินทรัพย์ ปัจจุบันจะเลือกซื้อมากขึ้น โดยพิจารณาในกลุ่มหนี้ขององค์กร, กลุ่ม SMEs และที่อยู่อาศัย โดยเงินลงทุนเข้าซื้อทรัพย์สินปีนี้ตั้งเป้าใช้ 8.8 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกใช้ไปแล้วไม่ถึง 2 พันล้านบาท

“BAM เตรียมเงินเข้าซื้อหนี้ทั้งปี 8.8 พันล้านบาท ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เตรียมมากกว่านั้น แต่ผู้ขายจะยอมขายสินทรัพย์ในราคาที่เราอยากซื้อหรือไม่ โดยภาพรวมของสินทรัพย์ที่สถาบันออกมาขายในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้คาดว่าจะเกือบ 2 แสนล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ระดับประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเราก็อยากเลือกซื้อมากขึ้น แต่ต้องเป็นสเปกที่เราอยากได้ ไม่ใช่การเข้าซื้อแบบ 360 องศา เพื่อให้เวลาถือครองสินทรัพย์จากเดิม 8 ปี เหลือการถือครองไม่เกิน 4 ปีครึ่ง” นายรักษ์กล่าว

ด้านผลเรียกเก็บบริษัทตั้งเป้าปีนี้ไว้ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้แล้วทะลุ 1 หมี่นล้านบาทไปแล้ว หรือทำได้ 1.01 หมื่นล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ปีนี้คาดจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4.45% จากครึ่งปีแรก 4.39% และคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น Return On Equity (ROE) ปีนี้แตะ 5.12% จากครึ่งปีแรก 5.07%

ปัจจุบัน BAM มี หนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในความดูแล 91,009 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 4.87 แสนล้านบาท และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จำนวน 28,043 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 7.78 หมื่นล้านบาท โดยที่ในส่วนของ NPL ยังใช้แนวทางที่ให้โอกาสลูกหนี้ในการได้หลักประกันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินกลับคืนไปด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ด้วยกระบวนการ Recycling Machine ซึ่งมีเป้าหมายในการเร่งสร้างโรงงานแก้หนี้ (TDR Factory) เพื่อฟื้นฟูให้ลูกหนี้กลับมามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่ง BAM สามารถสร้างรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้ NPL ลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งได้ข้อยุติถึง 2.8 พันล้านบาท

นอกจากนี้ BAM มีแผนงานจะขายสินทรัพย์ให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเดิม (Branded Properties Developer) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์กลุ่มแรกที่พิจารณาขายคือคอนโดมิเนียม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในก.ย. 68 คาดจะปิดดีลได้ 200 ยูนิต ทั้งนี้ BAM มีสินทรัพย์ในพอร์ตรวมประมาณ 25,000 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 11,000 ยูนิต

“มีแผนจะขายคอนโดให้กับผู้ประกอบการรายเดิม โดยคาดหวังดีลแรกเจรจาเสร็จก.ย.นี้ โดยมีพอร์ตคอนโดฯ 1.1 หมื่นยูนิต ดีลแรกนี้คิดเป็น 3% ของพอร์ตรวม หรือไม่เกิน 200 ยูนิต มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท” นายรักษ์กล่าว

สำหรับทิศทางตลาดบ้านมือสองมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเห็นสัญญาณจากสถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบ้านมือสองมีสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับบ้านใหม่ และ BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ “ทรัพย์มหาชน” สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง สามารถผ่อนชำระกับ BAM โดยตรง หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 4/68 จะสามารถระบายสินค้าได้ประมาณหลัก 100 ยูนิต

โดยการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA เดินหน้ากลยุทธ์พันธมิตรทางธุรกิจ (NPA Partnership) ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มุ่งขยายฐานธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรที่มีศักยภาพกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บมจ.วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์, บมจ.ไซมิส แอสเสท [SA] และบมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป [BKA] และสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ [BBL] และธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น

โดย BAM มุ่งเน้นการคัดสรรและนำเสนอทรัพย์ NPA ขนาด Big Lots ให้พันธมิตรนำไปพัฒนาและเพิ่มมูลค่า ทั้งบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และที่ดินเปล่า เพื่อพลิก “ทรัพย์ร้าง” ให้กลายเป็น “ทรัพย์สร้างกำไร” ต่อยอดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับ BAM อย่างต่อเนื่อง ลดระยะเวลาการถือครอง และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว โดย BAM สามารถสร้างยอดขายจากการจำหน่ายทรัพย์แปลงใหญ่ได้ถึง 1.45 พันล้านบาท ซึ่งทรัพย์ดังกล่าวเป็นที่ดินเปล่าจำนวน 50 แปลง ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่รวม 26-3-37.40 ไร่

สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่เป็นขาลง มองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมที่มีภาระการกู้เงิน โดยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นข่าวดีสำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และพันธมิตรของ BAM ซึ่งจะส่งผลบวกกลับมาที่ตัวบริษัท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 68)