
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (26 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจายุติสงครามในยูเครน และความเป็นไปได้ที่อุปทานน้ำมันจากรัสเซียจะเผชิญภาวะชะงักงัน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.39% ปิดที่ 63.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 67.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากบริษัท PVM Oil Associates แสดงความเห็นว่า นักลงทุนชะลอการซื้อขายเมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนที่เกิดจากความขัดแย้งในการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนและสงครามภาษีการค้า พร้อมกับคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันเบรนท์อาจเคลื่อนไหวในกรอบ 65-74 ดอลลาร์ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ส่วนการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในวันจันทร์นั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความเสี่ยงด้านอุปทาน หลังจากที่ยูเครนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย และความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียเพิ่มเติม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้าขู่ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพกับยูเครนภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเปิดเผยกับสื่อว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และรัสเซียได้หารือเกี่ยวกับข้อตกลงด้านพลังงานหลายฉบับ นอกรอบการเจรจาสันติภาพยูเครนในเดือนนี้
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ส่งออกของอินเดียกำลังเตรียมรับมือกับความปั่นป่วน หลังจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีเพิ่มอีก 25% เป็น 50% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากอินเดีย โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ (27 ส.ค.) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันทางการค้าต่ออินเดีย
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ รวมทั้งจับตาการประชุมของ 8 ชาติสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย.เพื่อพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนต.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)