
เรียวเซ อาคาซาวะ ผู้แทนการค้าญี่ปุ่น ได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างกะทันหันในวันนี้ (28 ส.ค.) หลังการเจรจาระดับคณะทำงานเพื่อสรุปรายละเอียดในข้อตกลงด้านการลงทุนยังไม่ได้ข้อยุติ ส่งผลให้การลงนามในข้อตกลงต้องล่าช้าออกไป
การเยือนครั้งนี้แต่เดิมมีเป้าหมายเพื่อสรุปรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับแผนการลงทุนของญี่ปุ่นในสหรัฐฯ มูลค่ามหาศาลถึง 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ จะยอมลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
สถานีโทรทัศน์ NHK และสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การเจรจายังคงติดขัดในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ฝ่ายญี่ปุ่นต้องการให้สหรัฐฯ แก้ไขคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเลิกการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับสินค้าบางประเภท เช่น เนื้อวัว เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะมีการเปิดเผยเอกสารร่วมว่าด้วยรายละเอียดการลงทุน
แหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า หากปัญหาที่คั่งค้างได้รับการแก้ไข อาคาซาวะอาจเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันได้เร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ความล่าช้าดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ว่าโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เพิ่งจะกล่าวก่อนหน้านี้ว่าจะมีการประกาศความคืบหน้าเรื่องการลงทุนจากญี่ปุ่นภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับลักษณะของเงินลงทุนก้อนนี้ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวว่าเงินลงทุนดังกล่าวเป็น “เงินของเราที่จะนำไปลงทุน” และสหรัฐฯ จะได้รับส่วนแบ่งผลกำไรถึง 90% ขณะที่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นยืนยันมาตลอดว่า การลงทุนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
สำหรับข้อตกลงเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุเมื่อเดือนก.ค. นั้น สหรัฐฯ ตกลงจะลดภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นเหลือ 15% นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังเคยระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะออกคำสั่งอีกฉบับเพื่อลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นจาก 27.5% เหลือ 15% ด้วย แต่ยังไม่มีการระบุช่วงเวลาที่แน่ชัด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 68)